Example
Example
Example
ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ภาคเรียนที่ ๑
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑
ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ภาคเรียนที่ ๑
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำ�นักหอสมุดแห่งชาติ
เพ็ญศรี จันทร์ดวง.
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔
ภาคเรียนที่ ๑--กรุงเทพฯ : แม็คเอ็ดดูเคชั่น, ๒๕๕๙.
๒๒๔ หน้า.
๑. ภาษาไทย--การศึกษาและการสอน (มัธยมศึกษา).
I. สุวคนธ์ จงตระกูล, ผู้แต่งร่วม. II. ชื่อเรื่อง.
495.9107
ISBN 978-616-274-735-9
จัดพิมพ์และจัดจำ�หน่ายโดย
นางเพ็ญศรี จันทร์ดวง
ผศ.สุวคนธ์ จงตระกูล
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ภาคเรียนที่ ๑
ตรงตามสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ดังนี้
สาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ ๑ การอ่าน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำ�ไปใช้
ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดำ�เนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน
สาระที่ ๒ การเขียน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ
และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ
และรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ
สาระที่ ๓ การฟัง การดู และการพูด ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณและพูดแสดงความรู้
ความคิด และความรู้สึกในโอกาสต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณและ
สร้างสรรค์
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ธรรมชาติของภาษาไทย ๑
ภาษาไทยเป็นภาษาคำ�โดด ๒
ภาษาไทยมีเสียงสระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์ ๔
ภาษาไทยมีระดับภาษา ๑๔
ภาษาไทยมีการเปลี่ยนแปลง ๒๔
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ ภาษากับการสื่อสาร ๓๐
การสื่อสาร ๓๑
ภาษากับการสื่อสาร ๓๒
อุปสรรคของการสื่อสาร ๓๕
วิธีแก้ไขอุปสรรคของการสื่อสาร ๓๗
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ การใช้คำ�และกลุ่มคำ� ๔๐
การใช้คำ�ให้ตรงตามความหมาย ๔๑
การใช้คำ�ให้ถูกต้องตามลักษณะภาษาไทย ๔๔
การใช้คำ�ให้กะทัดรัด ชัดเจน และสละสลวย ๔๘
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ การย่อความ ๕๔
ความหมายของการย่อความ ๕๕
ความสำ�คัญของการย่อความ ๕๕
ส่วนประกอบของย่อความ ๕๕
รูปแบบการเขียนคำ�นำ�ย่อความ ๕๖
หลักการย่อความ ๕๗
ตัวอย่างการย่อความ ๕๘
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ การเขียนเรียงความ ๖๕
ความหมายของเรียงความ ๖๖
องค์ประกอบของเรียงความ ๖๖
คุณลักษณะของเรียงความ ๖๘
หลักการเขียนเรียงความ ๖๘
ขั้นตอนการเขียนเรียงความ ๖๙
ตัวอย่างเรียงความ ๗๖
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖ จดหมายธุรกิจ ๗๙
ความหมายของจดหมายธุรกิจ ๘๐
ความสำ�คัญของจดหมายธุรกิจ ๘๐
ประเภทของจดหมายธุรกิจ ๘๑
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๗ การอ่านอย่างมีประสิทธิภาพ ๘๗
องค์ประกอบของการอ่าน ๘๘
การอ่านตีความ ๘๙
การอ่านแปลความ ๙๒
การอ่านขยายความ ๙๕
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๘ คุณค่างานประพันธ์ ๑๐๑
ความหมายของงานประพันธ์ ๑๐๒
ความหมายของวรรณคดีและวรรณกรรม ๑๐๒
องค์ประกอบของงานประพันธ์ ๑๐๓
การพิจารณางานประพันธ์ ๑๐๓
การวิจารณ์วรรณกรรม ๑๐๖
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๙ บทนมัสการมาตาปิตุคุณและบทนมัสการอาจริยคุณ ๑๑๙
ที่มาของเรื่อง ๑๒๐
ประวัติผู้แต่ง ๑๒๑
บทนมัสการมาตาปิตุคุณ ๑๒๒
บทนมัสการอาจริยคุณ ๑๒๔
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๐ บทละครเรื่องอิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง ๑๒๗
ที่มาของเรื่อง ๑๒๙
ประวัติผู้แต่ง ๑๓๐
ลักษณะคำ�ประพันธ์ ๑๓๑
ความรู้เกี่ยวกับละคร ๑๓๓
เรื่องย่อบทละครเรื่อง อิเหนา ๑๓๔
บทประพันธ์ ๑๓๗
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๑ นิทานเวตาลเรื่องที่ ๑๐ ๑๘๔
ความรู้เกี่ยวกับนิทานเวตาล ๑๘๕
ประวัติผู้แต่ง ๑๘๖
เรื่องย่อนิทานเวตาล ๑๘๘
เนื้อเรื่องนิทานเวตาลเรื่องที่ ๑๐ ๑๘๙
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๒ นิราศนรินทร์คำ�โคลง ๑๙๖
ความรู้เกี่ยวกับนิราศนรินทร์ ๑๙๘
ประวัติผู้แต่ง ๑๙๘
ความรู้เรื่องโคลงสี่สุภาพ ๑๙๘
คำ�ประพันธ์เรื่องนิราศนรินทร์ ๒๐๒
บรรณานุกรม ๒๑๒
ดัชนี ๒๑๔
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑
ธรรมชาติของภาษาไทย
๑. ภาษาไทยเป็นภาษาคำาโดด
๒. ภาษาไทยมีเสียงสระ ๔. ภาษาไทย
ธรรมชาติของภาษาไทย
พยัญชนะ และวรรณยุกต์ มีการเปลี่ยนแปลง
๓. ภาษาไทยมีระดับภาษา
ตัวชี้วัด
๑. อธิบายธรรมชาติของภาษา พลังของภาษา และลักษณะของภาษา (มฐ. ท ๔.๑ ม. ๔-๖/๑)
๒. ใช้ภาษาไทยได้เหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ และบุคคล รวมทั้งคำาราชาศัพท์อย่างเหมาะสม
(มฐ. ท ๔.๑ ม. ๔-๖/๓)
2
ภาษาไทย ม.๔ ภาคเรียนที่ ๑
๑. ภาษาไทยเป็นภาษาคำ�โดด
ภาษาไทยจัดอยู่ในตระกูลภาษาคำ�โดด คือภาษาที่ใช้คำ�ที่มีลักษณะเป็นพยางค์เดียวโดดๆ
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปคำ�ไปตามหน้าที่หรือความสัมพันธ์ทางไวยากรณ์เกี่ยวเนื่องกับคำ�อื่น
คำ�ที่เป็นภาษาคำ�โดดในภาษาไทยมักเป็นคำ�เกี่ยวกับธรรมชาติ เช่น ดิน น้ำ� ลม ไฟ หิน ฟ้า
หรือเป็นคำ�เกี่ยวกับญาติ เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก หลาน หรือเกี่ยวกับกิริยาอาการ เช่น กิน นั่ง นอน
ยืน พูด
สรุปได้ว่า คำ�ในภาษาไทยไม่เปลี่ยนรูปคำ�ตามเพศ พจน์ กาล ถ้าต้องการบอกเพศ พจน์ กาล
จะใช้คำ�อื่นประกอบเพิ่มเติม ดังนี้
๑. คำ�บอกพจน์ คำ�ในภาษาไทยเมื่อต้องการแสดงความหมายที่มากกว่าหนึ่งมักจะเพิ่ม
คำ�อื่นมาประกอบ เช่น มาก มากมาย หลาย ทั้งปวง หรือการใช้คำ�ซ้ำ� เช่น
ยุงบินมาเป็นฝูง เธอซื้ออะไรมามากมาย
มีคำ�ในประโยคที่ไม่ได้ใช้คำ�บอกพจน์ แต่คำ�ที่ใช้มีความหมายบอกพหูพจน์ ดังตัวอย่าง
ระยะนี้ฝนตกทุกวัน บ้านของเขาทั้งหลายอยู่ไกล
หนุ่มๆ สาวๆ พากันแต่งชุดไทย
๒. คำ�บอกกาล คำ�ภาษาไทยบางคำ�บอกกาล เป็นอดีตกาล ปัจจุบันกาล หรืออนาคตกาล
ดังนี้
๒.๑ คำ�ที่บอกอดีตกาลหรือเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว เช่น ได้ เคย มา ไป เมื่อวาน
ปีกลาย เดือนก่อน เมื่อกี้ ดังตัวอย่าง
น้องกินข้าวแล้ว ฉันเคยไปเที่ยวประเทศอินโดนีเซีย
3
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ธรรมชาติของภาษาไทย
กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
กิจกรรม ๑
พิจารณาการใช้คำ�ในประโยคต่อไปนี้ว่า คำ�ใดแสดงเพศหรือพจน์ของนาม สรรพนาม และแสดงกาล
ของกริยาหรือไม่ พร้อมทั้งบอกด้วยว่าคำ�นั้นแสดงเพศ พจน์ หรือกาลใดบ้าง
๑. วันนี้อากาศร้อนมากนะครับ
๒. เด็กๆ เก็บไข่ไก่ได้หลายฟอง
๓. แอ๋วซื้อรองเท้าคู่ใหม่มาเมื่อวานนี้
๔. เมื่อตอนเย็นมีใครมาหาคุณหรือคะ
๕. เขาไม่ได้ไปเที่ยวมาเดือนหนึ่งแล้ว
๖. ลูกรัก พ่อจะพาลูกไปทำ�บุญในวันขึ้นปีใหม่
๗. ยายแป๊ดมีแหวนหลายวงที่มีราคาแพงมาก
๘. นาฬิกาตายตั้งแต่เวลา ๐๒.๐๐ น.
๙. ศรีปราชญ์แต่งกำ�สรวลศรีปราชญ์มานานแล้ว
๑๐. ไปไหนมา ทำ�ไมกลับมาดึกดื่นป่านนี้
4
ภาษาไทย ม.๔ ภาคเรียนที่ ๑
เสียงสระ
เสียงสระ คือ เสียงทีเ่ ปล่งออกมาโดยตรงจากปอด ไม่ถกู อวัยวะส่วนใดส่วนหนึง่ กักไว้ภายใน
ช่องปาก
สระในภาษาไทยมี ๒๑ รูป ๒๑ เสียง ดังนี้
สระมี ๒๑ รูป คือ
๑. ะ เรียก วิสรรชนีย์ ๒. ั เรียก ไม้ผัด หรือไม้หันอากาศ
๓. า เรียก ลากข้าง ๔. ิ เรียก พินทุอิ
๕. 9 เรียก ฝนทอง ๖. ํ เรียก นิคหิต หรือหยาดน้ำ�ค้าง
๖. เรียก ฟันหนู ๘. ุ เรียก ตีนเหยียด
๙. ู เรียก ตีนคู้ ๑๐. ็ เรียก ไม้ไต่คู้
๑๑. เเ เรียก ไม้หน้า ๑๒. ใ เรียก ไม้ม้วน
๑๓. ไ เรียก ไม้มลาย ๑๔. โ เรียก ไม้โอ
๑๕. อ เรียก ตัวออ ๑๖. ย เรียก ตัวยอ
๑๗. ว เรียก ตัววอ ๑๘. ฤ เรียก ตัวรึ
๑๙. ฤๅ เรียก ตัวรือ ๒๐. ฦ เรียก ตัวลึ
๒๑. ฦๅ เรียก ตัวลือ
5
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ธรรมชาติของภาษาไทย
เอีย (อี-อา)
เอือ (อือ-อา)
อัว (อู-อา)
หมายเหตุ
๑. คำ�ที่ประสมด้วยสระประสมเสียงสั้น คือ เอียะ เอือะ อัวะ มีน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นคำ�
ที่มาจากภาษาอื่น หรือไม่ก็นำ�มาเทียบเคียง นักภาษาศาสตร์จึงถือว่าสระประสมมีเพียง ๓ เสียง
ดังกล่าว
๒. อำ� ไอ ใอ เอา ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ตำ�ราหลักภาษาแต่เดิมจัดเป็นสระเกิน แต่ในปัจจุบันถือเป็น
พยางค์ คือ
อำ� (อ-อะ-ม) ฤ ฤๅ (ร-อึ, ร-อือ)
ไอ ใอ (อ-อะ-ย) ฦ ฦๅ (ล-อึ, ล-อือ)
เอา (อ-อะ-ว)
6
ภาษาไทย ม.๔ ภาคเรียนที่ ๑
เสียงพยัญชนะ
เสียงพยัญชนะ คือ เสียงที่เปล่งออกมาซึ่งถูกปิดกั้นทางลมโดยอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง
ของปาก ทำ�ให้เกิดเสียงแปรเป็นเสียงต่างๆ กัน
อวัยวะที่เป็นตำ�แหน่งทำ�ให้เกิดเสียงต่างๆ มีดังนี้
๑. ริมฝีปาก ได้แก่ เสียง /บ/ /ป/ /พ/ /ม/
๒. ฟันกับริมฝีปาก ได้แก่ เสียง /ฟ/
๓. ฟันกับปุ่มเหงือก ได้แก่ เสียง /ต/ /ท/ /ด/ /น/ /ล/ /ร/ /ส/
๔. ลิ้นส่วนหน้ากับเพดานแข็ง ได้แก่ เสียง /จ/ /ช/ /ย/
๕. ลิ้นส่วนหน้ากับเพดานอ่อน ได้แก่ เสียง /ก/ /ข/ /ง/
๖. ช่องระหว่างเส้นเสียง ได้แก่ เสียง /อ/
เสียงพยัญชนะในภาษาไทยมี ๒๑ เสียง มีรูปหรือตัวอักษร ๔๔ รูป เสียงพยัญชนะบางเสียง
มีรูปหรือตัวอักษรเพียงรูปเดียว บางเสียงมีรูปหรือตัวอักษรหลายรูป ดังนี้
7
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ธรรมชาติของภาษาไทย
เสียงพยัญชนะ รูปหรือตัวอักษร
/ก/ ก
/ค/ ข ฃ ค ฅ ฆ
/ง/ ง
/จ/ จ
/ช/ ชฉฌ
/ส/ ซศษส
/ด/ ดฎ
/ต/ ตฏ
/ท/ ฐ ฑ ฒ ถ ท ธ
/น/ นณ
/บ/ บ
/ป/ ป
/พ/ ผพภ
/ฟ/ ฝฟ
/ม/ ม
/ย/ ญย
/ร/ ร
/ล/ ลฬ
/ว/ ว
/ห/ หฮ
/อ/ อ
ลักษณะของเสียงพยัญชนะในภาษาไทย แบ่งตามวิธีการออกเสียงพยัญชนะไทยมีดังต่อไปนี้
๑. เสียงระเบิดหรือเสียงกัก คือ เสียงพยัญชนะซึ่งเกิดจากลมที่เปล่งออกมาแล้วถูกกัก
ณ ที่ใดที่หนึ่งในช่องปากแล้วเปิดช่องที่กักนั้นให้ลมพุ่งออกมาโดยแรง ได้แก่
เสียงระเบิดไม่มีลม /ป/ /ต/ /ก/ /ด/
เสียงระเบิดมีลม /พ/ /ท/ /ค/
๒. เสียงนาสิก คือ เสียงพยัญชนะซึ่งเกิดจากลมส่วนหนึ่งเข้าไปสั่นสะเทือนในโพรงจมูก
ได้แก่ เสียง /ม/ /น/ /ง/
๓. เสียงข้างลิ้น คือ เสียงพยัญชนะซึ่งเกิดจากลมที่ถูกปล่อยออกมาทางข้างลิ้น ได้แก่ เสียง /ล/
๔. เสียงรัว คือ เสียงพยัญชนะที่เกิดจากการทำ�ปลายลิ้นให้มีลักษณะอ่อนตัว กระดกขึ้นไป
แตะหลังฟัน ได้แก่ เสียง /ร/
8
ภาษาไทย ม.๔ ภาคเรียนที่ ๑
นอกจากนี้พยัญชนะต้นยังปรากฏเสียงควบกล้ำ�ซึ่งออกเสียงควบกัน ๒ เสียงติดต่อกัน
โดยไม่มีเสียงสระคั่นกลางและปรากฏเป็นพยัญชนะต้นของพยางค์
กร เช่น กราด กรอง เกรียงไกร
กล เช่น กลาย กลิ้ง กลับ ไกล
กว เช่น กวาง เกวียน กวัก กว่า
คร เช่น คร่า ครึ ครู เครื่อง
คล เช่น คลาด คลัก คลุม เคลื่อน
คว เช่น ควัก ควาย คว่ำ� ควาญ
ตร เช่น ตรัส ตรวจ ตริ เตรียม
ปร เช่น ปราบ เปรียบ ปรุง โปร่ง
ปล เช่น ปลาย ปลื้ม ปลอม ปลุก
พร เช่น พระ พราย พริก ไพร่
พล เช่น พลู พลับ พลิก พลอง
ปัจจุบนั มีค�ำ ยืมจากภาษาอังกฤษหลายคำ�ทำ�ให้มกี ารออกเสียงพยัญชนะต้นควบกล้�ำ เพิม่ ขึน้
อีกหลายคู่ เช่น เสียงพยัญชนะต้นควบกล้ำ� ดังต่อไปนี้
บร /br/ เช่นเสียงพยัญชนะต้นในคำ�ว่า เบรก เบรน เบรด
บล /bl/ เช่นเสียงพยัญชนะต้นในคำ�ว่า บล็อก บลัด บลู
ดร /dr/ เช่นเสียงพยัญชนะต้นในคำ�ว่า ไดร์ฟ ดรัม
ทร /thr/ เช่นเสียงพยัญชนะต้นในคำ�ว่า ทรานซิสเตอร์ แทรกเตอร์
ฟร /fr/ เช่นเสียงพยัญชนะต้นในคำ�ว่า ฟรี เฟรม
ฟล /fl/ เช่นเสียงพยัญชนะต้นในคำ�ว่า แฟลต ฟลูออรีน
๒. ตำ�แหน่งท้ายคำ� เสียงพยัญชนะไทยในตำ�แหน่งท้ายคำ� คือ ตัวสะกด มี ๘ เสียง ได้แก่
ก (แม่กก) เช่น มัก เลข โชค เมฆ
ง (แม่กง) เช่น รัง
ด (แม่กด) เช่น อาจ คช กรีซ กฎ ปรากฏ อิฐ พัฒนา มด เขต รถ บาท บพิธ ยศ
โทษ ทาส
น (แม่กน) เช่น วัน คุณ ผลาญ วาร ผล กาฬ
บ (แม่กบ) เช่น รบ บาป ภพ ยีราฟ โลภ
ม (แม่กม) เช่น คาม พราหมณ์
ย (แม่เกย) เช่น นาย เขย
ว (แม่เกอว) เช่น ดาว แพรว
รูปพยัญชนะที่ไม่ใช้เป็นตัวสะกดมีอยู่ ๗ ตัว คือ ฉ ฌ ผ ฝ ห อ ฮ
10
ภาษาไทย ม.๔ ภาคเรียนที่ ๑
มาตราตัวสะกด
มาตราตัวสะกดต่างๆ มีดังนี้
๑. แม่ ก กา คือ มีแต่รูปสระ ทั้งสระยาวและสระสั้น เช่น มา ดี มะลิ ใจ โค ไป
๒. ตัวสะกดในมาตราทั้ง ๘ แม่ มี กง กน กม เกย เกอว กก กด กบ
๓. ตัวสะกดในมาตราทั้ง ๘ แม่ แบ่งเป็น
๓.๑ มีตัวสะกดตรงตามมาตรา ดังนี้
๑) แม่กง มีตัวสะกดคือ ง เช่น ลิง บาง นั่ง จาง โจง ดึง ลง เพลง
๒) แม่กม มีตัวสะกดคือ ม เช่น คม ตรม ล้ม โคม สาม จาม ห้าม
๓) แม่เกย มีตัวสะกดคือ ย เช่น สาย โปรย โดย หาย สบาย เลย
๔) แม่เกอว มีตัวสะกดคือ ว เช่น แวว ดาว แพรวพราว หิว เร็ว เปลว
ข้อสังเกต
คำ�บางคำ� เช่น มัว ว ในคำ�นี้ไม่ใช่แม่เกอว เพราะ ว เป็นส่วนหนึ่งของสระอัว
๓.๒ มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา คือ มีตัวสะกดอื่นๆ ที่มีเสียงเดียวกับตัวสะกดของ
มาตรา ดังนี้
๑) แม่กก มีตัวสะกด ได้แก่ ก ข ค ฆ เช่น รัก สุข นาค เมฆ
๒) แม่กด มีตัวสะกด ได้แก่ ด จ ช ซ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ต ถ ท ธ ศ ษ ส เช่น มด กิจ
เดช ก๊าซ กฎ ปรากฏ รัฐ ครุฑ วุฒิ มรกต รถ ศรัทธา พุธ ทิศ กระดาษ โอกาส
๓) แม่กบ มีตัวสะกด ได้แก่ บ ป พ ฟ ภ เช่น พบ บาป เคารพ ยีราฟ ลาภ
๔) แม่กน มีตัวสะกด ได้แก่ น ญ ณ ร ล ฬ เช่น คน หาญ กัณฑ์ การ ผล
กาฬ
พยัญชนะไทยแบ่งออกตามระดับเสียงได้ ๓ พวก หรือ ๓ หมู่ เรียกว่า ไตรยางศ์ ได้แก่
อักษรสูง อักษรกลาง และอักษรต่ำ�
อักษรสูงมี ๑๑ ตัว คือ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห
อักษรกลางมี ๙ ตัว คือ ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ
อักษรต่ำ�มี ๒๔ ตัว แบ่งออกเป็นอักษรต่ำ�เดี่ยวและอักษรต่ำ�คู่ ได้แก่
๑. อักษรต่ำ�เดี่ยว คือ อักษรต่ำ�ที่ไม่มีเสียงคู่กับอักษรสูง เวลาผันต้องดึงเอา ห เข้ามาช่วย
จึงครบทั้ง ๕ เสียง มี ๑๐ ตัว ได้แก่ ง ญ ณ น ม ย ร ล ว ฬ
๒. อักษรต่ำ�คู่ คือ อักษรต่ำ�ที่มีเสียงคู่กับอักษรสูงมี ๑๔ ตัว ได้แก่ ค ฅ ฆ ช ซ ฌ ฑ ฒ ท
ธพฟภฮ
11
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ธรรมชาติของภาษาไทย
อักษรคู่
อักษรต่ำ�คู่ อักษรสูง
คฅฆ ขฃ
ชฌ ฉ
ซ ศษส
ฑฒทธ ฐถ
พภ ผ
ฟ ฝ
ฮ ห
กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
กิจกรรม ๒
ก. ตอบคำ�ถามต่อไปนี้
๑. เสียงพยัญชนะมีกี่เสียง
๒. อวัยวะส่วนใดมีความสำ�คัญในการออกเสียงพยัญชนะ
๓. พยัญชนะเสียงระเบิดมีลมและไม่มีลมมีเสียงใดบ้าง ยกตัวอย่างชนิดละ ๓ เสียง
๔. เสียงนาสิกคืออะไร พยัญชนะนาสิกมีเสียงใดบ้าง
๕. เสียงเสียดแทรกคืออะไร พยัญชนะเสียงเสียดแทรกมีเสียงใดบ้าง
๖. ตำ�แหน่งของเสียงพยัญชนะปรากฏอยู่ส่วนใดของคำ�ได้บ้าง
๗. รูปพยัญชนะใดที่ไม่ใช้เป็นตัวสะกด
๘. อักษรคู่คืออะไร ยกตัวอย่าง ๓ คู่
ข. พิจารณาคำ�ต่อไปนีว้ า่ มีตวั สะกดอยูใ่ นมาตราใด (คำ�ทีม่ หี ลายพยางค์บอกเสียงตัวสะกดทุกพยางค์)
สวัสดี มุข ศาสตร์ เชย อาวุธ นิทรา
เมฆ ขบถ ครุฑ พล่าน สาป เลิศ
หาญ เที่ยว อาจ ปรู๊ฟ ผลาญ ขรัว
แกว่ง จิต กราบ ปราม
12
ภาษาไทย ม.๔ ภาคเรียนที่ ๑
เสียงวรรณยุกต์
เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงทีเ่ ปล่งออกมาพร้อมกับเสียงสระ จะมีเสียงสูงต่�ำ ตามการสัน่ สะเทือน
ของสายเสียง จึงเรียกว่าเสียงดนตรี
วรรณยุกต์ไทย มี ๔ รูป ๕ เสียง คือ
รูป สามัญ เอก โท ตรี จัตวา
เสียง
- กา กัด นาค นะ หนี
่ (ไม้เอก) - ป่า ล่า - -
้ (ไม้โท) - - ป้า ม้า -
๊ (ไม้ตรี) - - - เจ๊ -
๋ (ไม้จัตวา) - - - - จ๋า
คำ�เป็น คำ�ตาย
หมู่อักษร
สามัญ เอก โท ตรี จัตวา สามัญ เอก โท ตรี จัตวา
อักษรกลาง กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า - กัก กั้ก กั๊ก กั๋ก
อักษรสูง - ข่า ข้า - ขา - ขัด ขั้ด - -
อักษรต่ำ� คา - ค่า ค้า - - - คั่ด คัด คั๋ด ← เสียงสั้น
- - คาด ค้าด ค๋าด ← เสียงยาว
คำ�เป็น คำ�ตาย
คำ�เป็น มีลักษณะดังนี้
๑. เป็นคำ�ที่ประสมสระเสียงยาวในแม่ ก กา เช่น ปู มี ขา
๒. เป็นคำ�ที่มีตัวสะกดในแม่กง กน กม เกย เกอว เช่น จง ขน ลม เคย หิว
๓. เป็นคำ�ที่ประสมสระ อำ� ไอ ใอ เอา เช่น จำ� ใจ ไป เล่า
13
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ธรรมชาติของภาษาไทย
คำ�ตาย มีลักษณะดังนี้
๑. เป็นคำ�ที่ประสมสระเสียงสั้นในแม่ ก กา เช่น ดุ นะ ติ เละ
๒. เป็นคำ�ที่มีตัวสะกดในแม่ กก กด กบ เช่น รัก นิด จบ
กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
กิจกรรม ๓
ข. พิจารณาคำ�ต่อไปนี้ว่าออกเสียงวรรณยุกต์อะไร (คำ�ที่มีหลายพยางค์ให้ระบุเสียงวรรณยุกต์
ทุกพยางค์)
ฆ้อง พลบ ห้ำ�หั่น เที่ยง เหมือน จิต หลาย แผล็บ อสูร เสื่อ
สมัคร ห่วง ลาม ทาก เฝ้า เห็น ฝาก ขีด เสียง เพีย้ ง
ค. พิจารณาข้อความแต่ละข้อแล้วขีดเส้นใต้คำ�ตอบที่สะกดถูกต้องในวงเล็บ
๑. โรง (เตี้ยม, เตี๊ยม) ใหม่เอี่ยมดีจัง
๒. ใครมายก (อั๊งโล่, อั้งโล่) ของยายไป
๓. คุณมาคนเดียวหรือ (คะ, ค่ะ)
๔. ขอบคุณมาก (คะ, ค่ะ) ที่มาส่งถึงบ้าน
๕. หลานสาวชอบกินขนมปังไส้ (หมูหยอง, หมูหย็อง)
๖. คุณเก็บ (โน๊ต, โน้ต) เพลงไทยไว้ไหนครับ
๗. คุณยาย (คว้าน, คว๊าน) เงาะอยู่ริม (กว้าน, กว๊าน)
๘. ขวัญ (ขว้าง, กว้าง) ข้าว (ขว้าง, ฟ่าง) ให้นกในลาน (ฟ่าง, กว้าง)
๙. พี่นั่ง (ฟั่น, ควั่น) อ้อย น้อง (ฟั่น, ควั่น) เทียน
๑๐. พ่อเอา (ปุ๊งกี๋, ปุ้งกี๋) มาโกยถ่าน
ง. ศึกษาบทสนทนาจากเรื่องสั้นหรือนวนิยาย พิจารณาว่าผู้เขียนเขียนตามเสียงพูดหรือไม่
หากเขียนตามเสียงพูดให้แก้ไขรูปคำ�ให้ถูกต้องตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
(อย่างน้อยจำ�นวน ๕ คำ�)
14
ภาษาไทย ม.๔ ภาคเรียนที่ ๑
๓. ภาษาไทยมีระดับภาษา
ระดับของภาษา คือ การแบ่งภาษาให้เหมาะสมกับระดับของบุคคล โอกาส กาลเทศะ
และชุมชน ภาษาแบ่งเป็น ๕ ระดับ คือ ภาษาระดับพิธีการ ระดับทางการ ระดับกึ่งทางการ ระดับ
ไม่เป็นทางการ และระดับกันเอง
ลักษณะสำ�คัญของภาษาทั้ง ๕ ระดับ มีดังนี้
๑. ภาษาระดับพิธีการ ใช้สื่อสารในโอกาสหรือสถานการณ์ที่จัดขึ้นอย่างเป็นงานพิธีการ
หรือในที่ประชุมชน เช่น การพูดในที่ประชุมอย่างเป็นทางการ การกล่าวอวยพร การกล่าวต้อนรับ
การกล่าวปราศรัย การกล่าวสดุดี การกล่าวรายงานในพิธีต่างๆ
ภาษาระดับพิธีการต้องมีความไพเราะสละสลวยและให้ความรู้สึกจรรโลงใจ ผู้พูดจึงเตรียม
บทพูดมาล่วงหน้าและนำ�เสนอด้วยการอ่าน
ตัวอย่าง
๑
ปัจจุบัน “ราชบัณฑิตยสถาน” ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สำ�นักงานราชบัณฑิตยสภา” ตามพระราชบัญญัติสำ�นักงาน
ราชบัณฑิตยสภา พ.ศ.๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๘
16
ภาษาไทย ม.๔ ภาคเรียนที่ ๑
๒. ภาษาระดับทางการ ภาษาระดับนี้ใช้ในการบรรยายหรืออภิปรายอย่างเป็นทางการ
ในที่ประชุมที่เกี่ยวกับวิชาการหรือระดับหน่วยงาน เช่น การอภิปรายในที่ประชุม การปาฐกถา เช่น
หนังสือราชการหรือรายงานทางวิชาการ
ตัวอย่าง
การพัฒนาทรัพยากรพรรณพืชสมุนไพรที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์
ปัจจุบันนักวิจัยทั่วโลกกำ�ลังสนใจศึกษาค้นคว้าเพื่อหาวิธีใช้ประโยชน์จากสมุนไพร
จนเป็นทีพ่ สิ จู น์แล้วว่า สมุนไพรสามารถใช้เป็นยาป้องกันรักษาโรค ใช้ในเครือ่ งสำ�อาง ผลิตภัณฑ์
อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น น้ำ�ยาทำ�ความสะอาด สารฆ่าแมลง เป็นต้น โดยเฉพาะ
การนำ�มาใช้เป็นยารักษาโรคนั้น นอกจากใช้ตามตำ�รายาพื้นบ้านแล้ว ยังมีการสกัดสารสำ�คัญ
ในสมุนไพรมาศึกษาเพื่อพัฒนาเป็นยารักษาโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง เอดส์ เบาหวาน อัลไซเมอร์
มาลาเรีย และโรคติดเชือ้ อืน่ ๆ ซึง่ การรักษาด้วยยาแผนปัจจุบนั ยังได้ผลไม่ดนี กั หรือมีการดือ้ ยา
ยาเหล่านีม้ กี ารจดสิทธิบตั รเนือ่ งจากมีคา่ ใช้จา่ ยในการวิจยั และพัฒนา ทำ�ให้ผลิตภัณฑ์
ยาใหม่ๆ จากสมุนไพรมีราคาแพง และประเทศไทยต้องจ่ายค่าสิทธิบัตรสูงมากหากจะทำ�
การผลิตหรือวิจัยยาจากสมุนไพรดังกล่าว ทั้งที่หลายชนิดเป็นสมุนไพรที่มีถิ่นกำ�เนิดอยู่ใน
ประเทศไทย ดังนั้นจึงมีความจำ�เป็นต้องเร่งดำ�เนินการวิจัยและพัฒนา เพือ่ หาทางใช้ประโยชน์
จากสมุนไพรไทย และปกป้องสิทธิความเป็นเจ้าของทรัพยากรพรรณพืชสมุนไพร เพื่อนำ�ไปสู่
การอนุรักษ์สมุนไพรไทยอย่างยั่งยืนต่อไป
ตัวอย่าง
เรื่องการกินหมากนั้นไม่ใช่ของไทยเรามาแต่เดิม ชาติที่กินหมากก็มีในแขกอินเดีย
แขกชวา แขกมลายู และชาติอื่นๆ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเราตลอดไปจนถึงจีน ที่เห็นมี
การกินหมากกันมากก็มจี นี แต้จวิ๋ ถัดมาก็มจี นี ฮกเกีย้ นและจีนทีม่ อี าชีพทำ�นาทำ�สวน ชาติอนื่ ๆ
นอกนั้นไม่มีกิน อยากรู้ว่าใครเป็นต้นเหตุของการกินหมาก สาวไปสาวมา เรื่องไปตกอยู่กับ
อินเดีย เพราะสุศรุตที่เป็นผู้แต่งตามตำ�ราแพทย์อินเดียและเป็นผู้ที่กล่าวถึงการกินหมากว่าดี
เป็นผู้มีอายุอยู่ในรุ่นปลายศตวรรษที่ ๘ แห่งคริสต์ศักราช คือล่วงมาได้พันกว่าปี อินเดีย
เป็นต้นเหตุของการกินหมาก
(เสฐียรโกเศศ, “กินหมาก”)
(อนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ), พระยา. รวมเรื่องสั้น.
พระนคร : โรงพิมพ์ตำ�รวจ กรมตำ�รวจ, ๒๕๐๐.)
ตัวอย่าง
๕. ภาษาระดับกันเอง ภาษาระดับนี้มักใช้กันในครอบครัวหรือระหว่างเพื่อนสนิทที่มี
ความสัมพันธ์สนิทสนมกัน มักใช้ในสถานที่ที่เป็นส่วนตัว
ตัวอย่าง
ข้อสังเกต
การใช้ภาษาให้เหมาะกับวัฒนธรรมการใช้ภาษาโดยใช้ระดับภาษาให้ถูกต้อง มีดังนี้
๑. เลือกใช้ถ้อยคำ�ให้เหมาะสมกับฐานะของบุคคล การเลือกใช้ถ้อยคำ�ให้เหมาะสมกับ
ฐานะของบุคคล เป็นวัฒนธรรมการใช้ภาษาของไทยที่มีมานาน ดังคำ�อธิบายที่กล่าวไว้ว่า “ตามที่
เข้าใจกันทั่วไป ราชาศัพท์ หมายถึง ถ้อยคำ�จำ�พวกหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ เป็นคำ�ที่ใช้แก่พระมหา-
กษัตริย์และเจ้านาย เช่น คำ�ว่า พระเนตร พระกรรณ พระบาท พระหัตถ์ สรง เสวย ที่จริง
ราชาศัพท์มีความหมายกว้างกว่านี้ ตำ�ราของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) อธิบาย
คำ�นี้ไว้เป็นใจความว่า ราชภาษา อันสมมุติเรียกว่า ราชาศัพท์ เป็นถ้อยคำ�ภาษาที่ผู้ทำ�ราชการพึง
ศึกษาจดจำ�ไว้ใช้ให้ถูกในการกราบบังคมทูลพระกรุณา ในการเขียนหนังสือ และแต่งโคลง ฉันท์
กาพย์ กลอน จะกล่าวถึงผู้ใด สิ่งใด ก็ใช้ถ้อยคำ�ให้สมความ ไม่ให้พลาดจากแบบแผนเยี่ยงอย่างที่มี
๑
มาแต่ก่อน”
๑
สำ�นักงานสร้างเสริมเอกลักษณ์ของชาติ. ราชาศัพท์. พิมพ์ครัง้ ที่ ๔. กรุงเทพฯ : บริษทั ด่านสุทธาการพิมพ์ จำ�กัด,
๒๕๕๕.
19
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ธรรมชาติของภาษาไทย
ตัวอย่าง การใช้ภาษาพูดระหว่างผู้ที่ไม่รู้จักหรือไม่คุ้นเคยกัน
ณ ร้านขายผลไม้ ลูกค้าเป็นหญิงสูงอายุกำ�ลังเลือกผลไม้อย่างพิถีพิถัน
คนขาย : “ผลไม้ของผมสดและคัดมาแล้วครับ”
ลูกค้า : “ฉันเห็นสดน่ะสิจึงแวะเข้ามาดู”
คนขาย : “ผมช่วยหยิบใส่ถุงผ้าให้นะครับ ขอบคุณครับ แล้วอย่าลืมมาอุดหนุนผม
อีกนะครับ”
ลูกค้า : “บริการดีอย่างนี้ วันหน้าจะมาอุดหนุนใหม่นะคะ”
พ่อพูดกับลูกชาย “พ่อจะเล่าให้แกฟัง”
ข้าราชการผู้น้อยกับผู้บังคับบัญชา “กระผมจะมากราบเรียนให้ท่านทราบ”
พระภิกษุกับชาวบ้าน “อาตมาจะชี้แจงให้โยมฟัง”
นายอำ�เภอกับชาวบ้าน “ผมขอชี้แจงให้พี่น้องทั้งหลายทราบ”
นักเลงกับลูกน้อง “ข้าจะบอกให้เอ็งรู้ไว้”
ถ้อยคำ�บางคำ�แม้จะมีความหมายเหมือนกันแต่ให้ความรู้สึกแก่ผู้ฟังไม่เหมือนกัน คำ�บางคำ�
ทำ�ให้ผู้ฟังรู้สึกไม่สบายใจ และบางคำ�ทำ�ให้เกิดความรู้สึกในแง่ดี ดังนั้นเวลาพูดเราจะต้องคำ�นึงถึง
ความรู้สึกของผู้ฟังหรือผู้ถูกกล่าวถึงด้วย เช่น
22
ภาษาไทย ม.๔ ภาคเรียนที่ ๑
คำ�ที่ให้ความรู้สึกในแง่บวก คำ�ที่ให้ความรู้สึกในแง่ลบ
เจริญอาหาร รับประทานจุ ตะกละ
สมบูรณ์ขึ้น อ้วน ตุ๊ต๊ะ หมูตอน
สูงสง่า สูงเหมือนเปรต
เชื้อสาย เหล่ากอ ตระกูล กำ�พืด
อนุรักษนิยม อนุรักษ์ของเก่า คร่ำ�ครึ ล้าสมัย หัวโบราณ ตกขอบ
ไปดีแล้ว พ้นทุกข์แล้ว ตาย
กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
กิจกรรม ๔
ข. พิจารณาการใช้ถ้อยคำ�ต่อไปนี้ว่าเหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคลในสถานการณ์ต่างๆ หรือไม่
อย่างไร แก้ไขการใช้ถ้อยคำ�เพื่อให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมไทย
๑. ธิดาและเพื่อนๆ ไปเยี่ยมสุนันท์ซึ่งป่วยพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหลังจากผ่าตัดไส้ติ่ง
ธิดา “แหม! นันท์ดูซีดเซียวจังนะ ฉันรู้ข่าวหลายวันแล้วแต่ไม่มีเวลามาเยี่ยม...”
๒. นุชไปงานสวดศพมารดาของนิ่มเพื่อนนักเรียน ม.๔ ห้องเดียวกัน เมื่อนิ่มออกมาต้อนรับเธอ
นุช “เสื้อดำ�ชุดนี้สวยจังเลย ใครตัดให้เธอล่ะ คงแพงมากซิ อือ! แขกมากดีนะ”
๓. สถานที่ทำ�งานแห่งหนึ่ง งานเลิกแล้ว ข้าราชการกลับบ้านกันเกือบหมดแล้ว
สุชาติ “ยังไม่กลับอีกหรือ ขยันจริง เจ้านายของคุณก็ยังไม่กลับเหมือนกัน”
๔. แดง “ยายวินี่แปลกจริงนะ เมื่อวานนี้ฉันพูดด้วยดีๆ กลับหันหลังให้ฉันซะอย่างนั้นแหละ
ฉันว่าจะตามไปถามดูว่าเขาอารมณ์เสียอะไรมา”
อ้อย “เธอไปทำ�อะไรให้เขาไม่พอใจล่ะ แม่วินี่แสนงอนออก”
๕. เมธ “ยศ หมู่นี้เป็นอะไรไป ทำ�ซึมเหมือนคนใกล้ตาย”
๒. แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ภาษาของวัยรุ่นตามที่ได้จากการสังเกต นำ�มาอภิปราย
ภายในกลุ่ม สรุปเป็นความคิดเห็นของกลุ่ม ทำ�รายงานส่งครู และส่งตัวแทนนำ�เสนอ
หน้าชั้นเรียน นักเรียนอาจคิดหัวข้อขึ้นเอง หรือเลือกจากหัวข้อที่แนะนำ�ให้ ดังนี้
ก. การใช้ภาษาในการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ต
ข. การใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสารกับบุคคลทั่วไป
ค. การใช้ภาษาในการสื่อสารกับเพื่อน
ง. การใช้ภาษาในการสื่อสารกับบุคคลในครอบครัว
จ. การใช้ภาษาในการสื่อสารกับครู
ฉ. การใช้ภาษาไทยที่น่ายกย่องให้เป็นแบบอย่าง
๔. ภาษาไทยมีการเปลี่ยนแปลง
ภาษาที่ใช้กันอยู่ในสังคมก็เหมือนสิ่งมีชีวิต มีเกิด มีตาย ไปตามกาลเวลา ดังจะเห็น
จากถ้อยคำ�ภาษาในสมัยหนึ่ง อาจจะไม่นำ�มาใช้ในยุคสมัยต่อมา ในขณะเดียวกันก็มีคำ�ศัพท์สำ�นวน
ภาษาใหม่ๆ เกิดขึ้น เพื่อใช้เรียกวัสดุสิ่งของ หรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น ของเล่นของเด็กปัจจุบัน
มีอุปกรณ์ที่นำ�เข้าจากต่างประเทศ ก็ต้องกำ�หนดชื่อเรียกให้ตรงกับชื่อเดิมและสื่อความหมาย
แก่เด็กไทย เช่น รถไฟฟ้า หุ่นยนต์ ฯลฯ จากตัวอย่างแสดงให้เห็นว่า ภาษามีการเปลี่ยนแปลงไป
จากสมัยก่อน และในอนาคตย่อมจะมีถ้อยคำ�ภาษาใหม่ๆ ที่ใช้ในการสื่อสารอีกมากมาย
สาเหตุที่ภาษามีการเปลี่ยนแปลง สรุปได้ดังนี้
๑. การรับอิทธิพลจากภาษาต่างประเทศ อิทธิพลของภาษาต่างประเทศที่เข้ามาปะปน
ในภาษาไทยเกิดจากสาเหตุหลายประการ ดังนี้
๑.๑ ความสัมพันธ์ดา้ นการเมือง การปกครอง การติดต่อสัมพันธ์กนั ทางการทูตทำ�ให้
ต้องเรียนรู้ภาษาของอีกชาติเพื่อให้ติดต่อสื่อสารกันเข้าใจ
๑.๒ การอพยพโยกย้ายถิน่ หรือการแต่งงานระหว่างคนต่างชาติ เช่น คนไทยแต่งงาน
กับคนญี่ปุ่น หรือแต่งงานกับคนอังกฤษ ทำ�ให้มีคำ�ในภาษาของชาตินั้นๆ มาปะปน
๑.๓ การติดต่อทางการค้า การเจรจาซื้อขายตกลงด้านธุรกิจ จะได้ภาษาทางธุรกิจ
จากชาติที่เราติดต่อด้วย เช่น การค้าขายกับชาวจีน ได้คำ�ว่า เซ้ง โชห่วย ชง ฮวงจุ้ย เป็นต้น
การค้าขายกับชาวยุโรป ได้คำ�ว่า เอสเอ็มอี เครดิต เป็นต้น
25
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ธรรมชาติของภาษาไทย
๒. ความเจริญทางวิทยาการและการศึกษา
๒.๑ ความเจริญทางวิทยาการ มนุษย์คิดค้นและประดิษฐ์สิ่งต่างๆ เพื่ออำ�นวย
ความสะดวกและความปลอดภัยในการดำ�รงชีวิต ทำ�ให้ศาสตร์ต่างๆ เจริญก้าวหน้าตามลำ�ดับ
มนุษย์จำ�เป็นต้องเรียนรู้วิทยาการ ตลอดจนใช้สอยวัสดุสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ จึงมีคำ�และภาษาเกิดใหม่
เพิ่มเติมอยู่เสมอ
๒.๒ ความเจริญทางการศึกษา มนุษย์ต้องศึกษาค้นคว้าอย่างกว้างขวาง เพื่อสร้าง
ความเจริญแก่สังคมและตนเอง มนุษย์มีความเจริญมาเป็นลำ�ดับ มีภาษาเกิดใหม่ หรือสร้างใหม่
มากมาย ในทำ�นองเดียวกันก็มีภาษาที่ไม่ใช้สื่อสารอีกจำ�นวนหนึ่งเช่นกัน นอกจากนี้กลุ่มบุคคล
ที่แตกต่างกันทางด้านการศึกษาและอาชีพทำ�ให้การใช้ภาษาเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันไปด้วย เช่น
นักการค้า นักวิชาการ นักปกครอง นักกฎหมาย กรรมกร จะมีศัพท์เฉพาะของตน ฯลฯ
๓. การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ และสังคม
๓.๑ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครอง ลักษณะการปกครองของไทย
เปลีย่ นไป ภาษาทีใ่ ช้กเ็ ปลีย่ นแปลงไป ประชาชนมีสทิ ธิเสรีภาพทีจ่ ะแสดงความคิดเห็นและใช้ภาษา
แตกต่างจากสมัยก่อน เช่น กระชับพื้นที่ นอนหลับทับสิทธิ์ ปรับทัศนคติ คืนความสุขให้ประชาชน
ฯลฯ
๓.๒ การเปลีย่ นแปลงทางด้านเศรษฐกิจหรือการค้า ปัจจุบนั ประเทศต่างๆ มุง่ แข่งขัน
กันทางเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้การติดต่อแลกเปลี่ยนสินค้ากันจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ภาษา
ต่างประเทศได้ เช่น เอเยนต์ เครดิต สต็อก สโตร์ โบนัส คอมมิชชัน แคชเชียร์ ฯลฯ นอกจากนี้
ชื่อสินค้านำ�เข้าหรือผลิตขึ้นใหม่ไม่มีคำ�ใช้เรียก จำ�เป็นต้องใช้ทับศัพท์ เช่น ก๊อก โกโก้ เชิ้ต เนกไท
ฟิล์ม วีซ่า แทรกเตอร์ เกม แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ โซน คอมพิวเตอร์ อีเมล
ตัวอย่าง คำ�จีนที่นำ�มาใช้ในภาษาไทย
อาหาร เกาเหลา ก๋วยเตี๋ยว เต้าหู้ เต้าส่วน กวยจั๊บ เฉาก๊วย บะช่อ เกี๊ยว
เครื่องใช้ อั้งโล่ ลังถึง ตะหลิว ปุ้งกี๋
ธุรกิจ ยี่ปั๊ว ยี่ห้อ โสหุ้ย กงสี แป๊ะเจี๊ยะ
๓.๓ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ภาษาไทยเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพทางสังคม
อย่างชัดเจน คือ สังคมไทยเปลี่ยนจากสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม คำ�ที่เกี่ยวกับ
อาชีพก็เปลี่ยนไป
27
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ธรรมชาติของภาษาไทย
กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ
กิจกรรม ๕
กิจกรรมเสนอแนะ
ก. นักเรียนศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมและเขียนสรุปส่งครูพร้อมทั้งนำ�เสนอหน้าชั้นเรียนในหัวข้อ
ต่อไปนี้
๑. ภาษาไทยเป็นภาษาคำ�โดด
๒. ภาษาไทยมีเสียงสระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์
๓. ภาษาไทยมีระดับภาษา
๔. ภาษาไทยมีการเปลี่ยนแปลง
ข. นักเรียนแบ่งกลุ่มอภิปรายหัวข้อ “ภาษาไทยมีการเปลี่ยนแปลง”
ค. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น ๔ กลุ่ม ร่วมกันจัดนิทรรศการกลุ่มละ ๑ หัวข้อ โดยเลือกจากหัวข้อ
ต่อไปนี้
๑. ภาษาไทยเป็นภาษาคำ�โดด
๒. ภาษาไทยมีเสียงสระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์
๓. ภาษาไทยมีระดับภาษา
๔. ภาษาไทยมีการเปลี่ยนแปลง
29
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ ธรรมชาติของภาษาไทย
หนังสืออ่านประกอบ
วิจิตร ยอดสุวรรณ และคณะ. รู้จักภาษาไทย. กรุงเทพฯ : โอเดียนบุ๊คสโตร์, ม.ป.ป.
สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. บรรทัดฐานภาษาไทย
เล่ม ๒ : คำ� การสร้างคำ�และการยืมคำ�. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว,
๒๕๕๓.