ฟาโรห์เมริคาเร
ฟาโรห์เมริคาเร | ||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เมริคารา | ||||||||||||||||||||||||||||
จานสีของอัครเสนาบดีนามว่า ออร์คาอูเคติ, ปรากฏคาร์ทูธของฟาโรห์เมริคาเร | ||||||||||||||||||||||||||||
ฟาโรห์ | ||||||||||||||||||||||||||||
รัชกาล | ประมาณ 2075–2040 ปีก่อนคริสตกาล | |||||||||||||||||||||||||||
ก่อนหน้า | วาคาเร เคติ? | |||||||||||||||||||||||||||
ถัดไป | น่าจะเป็นฟาโรห์ไม่ทราบพระนาม[1] จากนั้นเป็นเมนทูโฮเตปที่ 2 (ราชวงศ์ที่สิบเอ็ด) | |||||||||||||||||||||||||||
| ||||||||||||||||||||||||||||
พระราชบิดา | วาคาเร เคติ ? | |||||||||||||||||||||||||||
สวรรคต | ประมาณ 2040 ปีก่อนคริสตกาล | |||||||||||||||||||||||||||
สุสาน | พีระมิดแห่งเมริคาเร | |||||||||||||||||||||||||||
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ที่สิบ |
เมริคาเร (หรือ เมริคารา) เป็นฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณจากราชวงศ์ที่สิบ พระองค์มีพระชนม์ชีพอยู่ในปลายช่วงระหว่างกลางที่ 1
พระองค์เริ่มใช้พระราโชบายในการอยู่ร่วมกันแบบกึ่งสันติกับผู้ปกครองทางใต้จากราชวงศ์ที่สิบเอ็ดแห่งอียิปต์ โดยมุ่งเน้นที่การทำนุบำรุงความเจริญรุ่งเรืองในพระราชอาณาเขตของพระองค์ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองเฮราคลีโอโพลิส แทนที่จะทำสงครามพุ่งกับฝ่ายธีบส์ แต่พระราโชบายของพระองค์กลับไม่ได้ผล และไม่นานหลังจากที่พระองค์เสด็จสวรรคต แคว้นเฮราคลีโอโพลิสก็ถูกยึดครองโดยฟาโรห์แห่งธีบส์พระนามว่า เมนทูโฮเทปที่ 2 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสมัยช่วงราชอาณาจักรกลาง พีระมิดของพระองค์นั้นได้รับการยืนยันทางประวัติศาสตร์ว่ามีอยู่จริงแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถูกค้นพบก็ตาม
รัชสมัย
[แก้]พระราชประวัติ
[แก้]ตามที่นักวิชาการหลายคนกล่าวไว้ พระองค์ทรงขึ้นปกครองในช่วงปลายราชวงศ์ที่สิบแห่งอียิปต์ในวัยกลางคน[2][4][5][6][7][8] ตามการครองราชย์อันยาวนานของพระราชบิดา การมีตัวตนของผู้ปกครองก่อนหน้า (ที่มีพระนามว่า "เคติที่ 3" ซึ่งทรงนิพนธ์ตำราคำสอนแด่เมริคาเร) ยังคงเป็นข้อสงสัยที่มีการถกเถียงกันในหมู่นักไอยคุปต์วิทยา นักวิชาการบางคนมักให้ฟาโรห์วาคาเร เคติ เป็นผู้ปกครองก่อนหน้าพระองค์[7][8][9] โดยตำราคำสอน (sebayt) เหล่านี้ ซึ่งอาจจะเขียนขึ้นในรัชสมัยของฟาโรห์เมริคาเร และอ้างว่าเป็นพระราชบิดาโดยสมมติขึ้นเป็นสร้างการตั้งอยู่ในธรรมาภิบาล ข้อความดังกล่าวยังกล่าวถึงพรมแดนด้านตะวันออกที่เพิ่งสงบลง แต่ให้ยังอยู่ในความสนใจของฟาโรห์[10] ในข้อความพระราชบิดาที่ไม่มีพระนามของพระองค์กล่าวถึงการบุกยึดไทนิส แต่พระองค์แนะนำให้ฟาโรห์เมริคาเรจัดการกับอียิปต์บนที่กำลังลำบากมากขึ้น[9]
เมื่อขึ้นครองราชสมบัติแล้ว ราวปี 2075 ปีก่อนคริสตศักราช[11] ฟาโรห์เมริคาเรยอมอย่างชาญฉลาด เพื่อดำรงอยู่ของสองแคว้นที่แยกจากกัน (เฮราคลีโอโพลิสและธีบส์) และพยายามรักษาพระราโชบายในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งบรรลุผลสำเร็จโดยพระราชบิดาของพระองค์[9] ดูเหมือนว่าช่วงเวลาแห่งความสงบสุขจะนำความเจริญรุ่งเรืองจำนวนหนึ่งมาสู่แคว้นของพระองค์[8] ต่อมาไม่นาน ฟาโรห์ถูกบังคับให้แล่นเรือไปตามแม่น้ำไนล์พร้อมกับราชสำนักด้วยกองเรือขนาดใหญ่ เมื่อพระองค์เสด็จไปถึงเมืองอัสยุต พระองค์ได้แต่งตั้งเคติที่ 2 ผู้ภักดี เป็นผู้ปกครองท้องถิ่นต่อจากเทฟิบิ ผู้ซึ่งเป็นบิดาผู้ล่วงลับของเขา[9] พระองค์ยังทำการบูรณะที่วิหารแห่งเวฟวาเวตในท้องถิ่น หลังจากนั้นฟาโรห์เมริคาเรได้ขึ้นไปยังเมืองซาสโฮเทป ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะปราบปรามการจลาจล และในขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงพระราชอำนาจไปยังพื้นที่ชายแดนทางใต้ที่กำลังวุ่นวาย[12]
พระองค์เสด็จสวรรคตในช่วง 2040 ปีก่อนคริสตกาล เพียงไม่กี่เดือนก่อนการล่มสลายของเฮราคลีโอโพลิส ดังนั้น การสู้รบครั้งสุดท้ายโดยฝ่ายธีบส์ ซึ่งนำโดยฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 2 จากราชวงศ์ที่สิบเอ็ดแห่งอียิปต์ จึงมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดในรัชสมัยสั้น ๆ ของฟาโรห์ไม่ทราบพระนามที่ขึ้นมาปกครองต่อจากพระองค์[2]
การฝังพระศพ
[แก้]หลายแหล่งข้อมูลระบุว่า ฟาโรห์ถูกฝังอยู่ในพีระมิดที่ยังไม่ถูกค้นพบในซัคคาราที่มีชื่อว่า ความรุ่งเรืองเป็นที่พำนักแห่งเมริคาเร (Flourishing are the Abodes of Merikare) ซึ่งควรต้องตั้งอยู่ใกล้กับพีระมิดแห่งเตติ ซึ่งเป็นฟาโรห์จากราชวงศ์ที่หก[2] ชื่อของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการก่อสร้างได้รับการบันทึกไว้ เนื่องจากการบูชาพระศพของพระองค์จะอยู่ถึงช่วงราชวงศ์ที่สิบสองแห่งอียิปต์; อันที่จริงคาร์ทูธของฟาโรห์เมริคาเรปรากฏอยู่บนจารึกของนักบวชอย่างน้อยสี่คนที่รับผิดชอบการบูชาพระศพของฟาโรห์เตติและฟาโรห์เมริคาเรในช่วงสมัยราชอาณาจักรกลาง[13] พวกเขารวมถึงเกมนิเอมฮัต ผู้ซึ่งที่ยังดำรงตำแหน่งสำคัญอื่นๆ
หลักฐานรับรอง
[แก้]แม้ว่าพระนามของฟาโรห์เมริคาเรจะไม่เป็นที่รู้ทราบในบันทึกพระนามกษัตริย์แห่งตูริน แต่พระองค์ก็เป็นฟาโรห์ที่มีหลักฐานรับรองมากที่สุดในบรรดาฟาโรห์แห่งเฮราคลีโอโพลิส พระนามของพระองค์ปรากฏบน:
- ตำราคำสอนแด่เมริคารา;
- จานสีไม้อาลักษณ์ที่เป็นของอัครเสนาบดีนามว่า ออร์คาอูเคติ ซึ่งพบในหลุมฝังศพใกล้อัสยุต (พร้อมกับภาชนะใส่ถ่านที่อุทิศแด่ฟาโรห์เมริอิบเร เคติ) และตอนนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์;[5]
- บันทึกจากหลุมฝังศพของผู้ปกครองท้องถิ่นนามว่า เคติที่ 2, ในอัสยุต;[5]
- จารึกทั้งเก้าชิ้นที่ยันยันการมีอยู่จริงของพีระมิดแห่งเมริคาเรและพิธีบูชาพระศพของพระองค์ในซัคคารา[4]
ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับช่วงต้นรัชสมัย
[แก้]ในปี ค.ศ. 2003 อาร์คาดี เอฟ. เดมิดชิก นักไอยคุปต์วิทยา ได้เสนอว่าควรพิจารณาใหม่เกี่ยวกับช่วงตำแหน่งรัชสมัยภายในราชวงศ์ของฟาโรห์เมริคาเร ตามที่เขากล่าว ถ้าหากพระองค์ครองราชย์ในระหว่างช่วงการดำเนินการทางทหารที่นำโดยฟาโรห์เมนทูโฮเทปที่ 2 พีระมิดและพิธีบูชาพระศพคงจะไม่สามารถอยู่รอดได้จากการเอาชนะของฝ่ายธีบส์ และฟาโรห์เมริคาเรคงจะไม่สามารถหาหินแกรนิตจากทางใต้ได้ตามที่กล่าวไว้ในตำราคำสอนที่กล่าวไว้ข้างต้น เดมิดชิกยังโต้แย้งอีกด้วยว่าการบุกไทนิสที่เทฟิติและพระองค์กล่าวถึงนั้นเหมือนกัน คงถูกโจมตีในแนวรบฝ่ายตรงข้ามโดยฟาโรห์วาอังค์ อินเตฟที่ 2 ผู้ปกครองแห่งธีบส์ เขาจึงแสดงความคิดเห็นว่าว่าการครองราชย์ของฟาโรห์เมริคาเร ควรจัดไว้เร็วกว่าที่เคยคิดไว้หลายสิบปี เมื่อราชวงศ์ที่สิบแห่งอียิปต์มีอำนาจอยู่ที่จุดสูงสุด[4]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ William C. Hayes, in The Cambridge Ancient History, vol 1, part 2, 1971 (2008), Cambridge University Press, ISBN 0-521-077915, pp. 467–78.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 Jürgen von Beckerath, Handbuch der Ägyptischen Königsnamen, 2nd edition, Mainz, 1999, p. 74.
- ↑ Arkadi F. Demidchik (2003), "The reign of Merikare Khety", Göttinger Miszellen 192, pp. 25–36.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 Flinders Petrie, A History of Egypt, from the Earliest Times to the XVIth Dynasty (1897), pp. 115-16.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 Flinders Petrie, A History of Egypt, from the Earliest Times to the XVIth Dynasty (1897), pp. 115-16.
- ↑ William C. Hayes, op. cit. p. 996.
- ↑ 7.0 7.1 Nicolas Grimal, A History of Ancient Egypt, Oxford, Blackwell Books, 1992, pp. 141–45.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 Michael Rice, Who is who in Ancient Egypt, 1999 (2004), Routledge, London, ISBN 0-203-44328-4, p. 113.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 9.3 William C. Hayes, op. cit. p. 466–67.
- ↑ William C. Hayes, op. cit. p. 237.
- ↑ Miriam Lichtheim, Ancient Egyptian Literature, vol. 2. pp. 97-109. University of California Press 1980, ISBN 0-520-02899-6, p. 97.
- ↑ Alan Gardiner, Egypt of the Pharaohs. An introduction, Oxford University Press, 1961, p. 113.
- ↑ James Edward Quibell, Excavations at Saqqara (1905-1906), Le Caire, Impr. de l'Institut français d'archéologie orientale (1907), p. 20 ff; pl. XIII, XV.
อ่านเพิ่ม
[แก้]- Wolfgang Kosack; Berliner Hefte zur ägyptischen Literatur 1 - 12: Teil I. 1 - 6/ Teil II. 7 - 12 (2 Bände). Paralleltexte in Hieroglyphen mit Einführungen und Übersetzung. Heft 8: Die Lehre für König Merikarê. Verlag Christoph Brunner, Basel 2015. ISBN 978-3-906206-11-0.