เอเอสทีวี
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
ประเภท | สื่อสารมวลชน |
---|---|
ก่อตั้ง | 4 มีนาคม 2546 |
สำนักงานใหญ่ | เลขที่ 52 อาคารสีลมเซ็นเตอร์ ชั้น 25 ถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร |
บุคลากรหลัก | จิตตนาถ ลิ้มทองกุล |
เอเอสทีวี (อังกฤษ: Asia Sattelite TV) เริ่มต้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2546 [ต้องการอ้างอิง] เมื่อบริษัท บีทีวี อาร์เอ็นที ของ พ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย ได้รับสิทธิ์จากกรมประชาสัมพันธ์ ให้ขยายช่องสถานีของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 เป็นช่อง 11/1 ทำรายการข่าวโทรทัศน์โดยมีรายได้จากค่าโฆษณา ถ่ายทอดผ่านดาวเทียม และเคเบิลทีวียูบีซี เป็นการอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายทำรายการโทรทัศน์ช่องใหม่ โดยใช้ใบอนุญาตเดิม และหลีกเลี่ยงข้อกำหนดเดิมที่ช่อง 11 ไม่สามารถมีโฆษณาได้
พ.ต.อ.รวมนคร และผู้บริหารช่อง 11 ได้เข้ามาชักชวนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้รับจ้างผลิตรายการให้ช่อง 11/1 โดยใช้ชื่อว่า 11 News1 เป็นโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และถ่ายทอดทางยูบีซี ช่อง 8 แต่ต่อมาสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 News1 ได้ถูกถอดออกจากยูบีซี เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2547 เนื่องจากปัญหาภายในของยูบีซี ที่ถูกร้องเรียน และวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับโฆษณาแฝง
เมื่อไม่สามารถถ่ายทอดสัญญาณผ่านสัญญาณของยูบีซีได้ และเหลือเพียงแต่การถ่ายทอดผ่านทางดาวเทียม สนธิ ลิ้มทองกุล จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม มุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่คนไทยในต่างประเทศ ทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา และเปลี่ยนชื่อเป็น Asia Satellite TV หรือ ASTV โดยมีช่องหลักที่เป็นจุดขาย คือช่อง NEWS1 ซึ่งมาจากช่อง 11 News1 เดิมนั่นเอง ทั้งนี้ การนำเสนอข่าวของช่อง NEWS1 ทาง ASTV มักจะเน้นน้ำหนักการเสนอข่าวไปที่ข่าวการเมือง สังคม และเศรษฐกิจเป็นเสียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเมือง
ทั้งนี้เนื่องจากประสบปัญหาสภาพคล่อง ตามธุรกิจอื่นๆในเครือผู้จัดการ ซึ่งแบกรับภาระหนี้ไว้กว่า 6,000 ล้านบาท และมียอดขาดทุนสะสมติดต่อมาเป็นเวลาหลายปี ปัจจุบันเอเอสทีวีกำลังระดมทุนจากนักลงทุนรายย่อยทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ด้วยการขายหุ้น ASTV ในราคาหุ้นละ 1,000 บาท ซึ่งได้จำหน่ายไปแล้วหลายหมื่นหุ้น
ในปี พ.ศ. 2551 สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีได้ทำการถ่ายทอดสดการการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ผ่านทางช่องนิวส์วัน รวมไปถึงช่องที่สังกัดเอเอสทีวี
สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ได้รับโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน ภาระหน้าที่ พนักงาน คลื่นความถี่ ลิขสิทธิ์จาก สทท. และสถานีโทรทัศน์ช่อง News1 ของ พ.ต.อ.รวมนคร มาเป็นของเอเอสทีวี ช่อง News1 อย่างเป็นทางการ เมื่อปี พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา
ต่อมาในวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554 เวลา 17.30 น. สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีต้องถูกปิดหน้าจอลง เนื่องจากไม่มีค่าจ่ายค่าเช่าดาวเทียมเป็นจำนวนเงิน 9 ล้านบาท แต่ยังคงถ่ายทอดทางอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ผู้จัดการยังคงเปิดให้ดำเนินการอยู่ ซึ่งปัจจุบันสามารถรับชมเอเอสทีวีได้ตามปกติทุกช่องทาง[1]
จนกระทั่งในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 มีการประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร และมีคำสั่งให้สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม งดออกอากาศชั่วคราว หนึ่งในนั้นมีเอเอสทีวีด้วย หลังจากนั้น เมือ่เกิดการรัฐประหารในอีกสองวัน คณะรัฐประหารมีประกาศให้สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมตามที่มีประกาศเมื่อครั้งประกาศกฎอัยการศึก งดออกอากาศชั่วคราวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งมีการเปิดให้ผู้ประกอบการสถานีโทรทัศนืเหล่านั้น มาขอใบอนุญาตกับทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อให้ออกอากาศต่อไปได้ โดยมีเงื่อนไขห้ามเสนอข่าวในลักษณะยุยงปลุกปั่นสร้างความแตกแยก และให้เปลี่ยนชื่อช่องรายการ ดังนั้น สถานีจึงเปลี่ยนชื่อ กลับไปเป็น นิวส์วัน ดังเช่นเมื่อแรกออกอากาศ โดยก่อนหน้านั้นมีการนำรายการข่าว รอบวันทันเหตุการณ์ รายการ นิวส์อาว และ รายการ คุยมันส์ทันข่าว ซึ่งเป็นรายการใหม่ มาออกอากาศสดผ่านยูทูบแชนแนลของทางเอเอสทีวีผู้จัดการ โดยเริ่มออกอากาศผ่านดาวเทียมครั้งแรกในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 06:00 น.