รีเทิร์นออฟดิโอบราดินน์
รีเทิร์นออฟดิโอบราดินน์ Return of the Obra Dinn | |
---|---|
ผู้จัดจำหน่าย | 3909 LLC. |
ออกแบบ | ลูคัส โพพ |
ศิลปิน | ลูคัส โพพ |
เอนจิน | ยูนิตี |
เครื่องเล่น | |
วางจำหน่าย |
|
แนว | ผจญภัย, ปริศนา |
รูปแบบ | ผู้เล่นเดี่ยว |
รีเทิร์นออฟดิโอบราดินน์ (อังกฤษ: Return of the Obra Dinn) เป็นเกมแนวผจญภัย และไขปริศนา สร้างโดยนักสร้างเกมชาวอเมริกัน ลูคัส โพพ วางจำหน่ายโดยสตูดิโอเกมในญี่ปุ่น 3909 LLC. ซึ่งเป็นเกมที่สองที่ลูคัส โพพ ผลิตในเชิงพาณิชย์ต่อจากเกม เพเพอร์ส พีส (อังกฤษ: Papers, Please) เมื่อปี 2013 วางจำหน่ายให้กับบนเครื่องแมค และพีซี ในเดือนตุลาคม 2018 และลงให้กับ นินเท็นโด สวิตช์ เพลย์สเตชัน 4 และเอกซ์บอกซ์วัน ในปีต่อมา
ตัวเกมมีท้องเรื่องอยู่ในช่วงปี 1807 โดยผู้เล่นจะรับบทเป็นผู้ตรวจสอบประกันภัยให้กับบริษัทอินเดียตะวันออก เพื่อไปสืบเรื่องเรือพาณิชย์ที่ชื่อ โอบรา ดินน์ ที่สูญหายไปเมื่อ 5 ปีก่อน ที่จู่ ๆ ก็ปรากฎขึ้นมานอกชายฝั่งอังกฤษโดยไม่มีใครมีชีวิตอยู่บนเรือ โดยผู้เล่นจะถูกส่งไปที่เรือร้างเพื่อทำการประเมิน สร้างเหตุการณ์ของการเดินทางขึ้นใหม่ และกำหนดชะตากรรมของลูกเรือทั้งหกสิบดวง ระบุสาเหตุการตายของผู้ตายหรือตำแหน่งปัจจุบันที่น่าจะเป็นไปได้สำหรับผู้ที่สันนิษฐานว่ายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งการสืบสวนทำได้โดยการใช้ เมเมนโต มอร์เตม (ละติน: Memento Mortem) นาฬิกาพกที่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ใช้ไปยังช่วงเวลาที่เจ้าของศพเสียชีวิตได้ ตัวเกมเป็นเกมที่เล่นในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และผู้สร้างได้ออกแบบให้กราฟิกเกมอยู่ในรูปแบบหนึ่งบิต โมโนโครม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอชรุ่นแรก ๆ
เกมรีเทิร์นออฟดิโอบราดินน์ได้รับการยกย่องในด้านระบบการเล่น รูปแบบศิลปะ และการเล่าเรื่อง นอกจากนี้ยังได้รับการยกให้เป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของปี 2018 และได้รับรางวัลมากมายรวมถึงรางวัล Seumas McNally Grand Prize
ระบบการเล่น
[แก้]เรือ โอบรา ดินน์ ได้รับการประกันภัยโดยบริษัทอินเดียตะวันออก เมื่อได้รับรายงานว่าสูญหายไปในปี 1803 บริเวณใกล้กับแหลมกู๊ดโฮป มันถูกพัดเข้ามาที่ท่าเรือโดยมีผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหกสิบคนเสียชีวิตหรือสูญหาย ผู้เล่นได้รับมอบหมายให้กำหนดชะตากรรมของลูกเรือทั้งหมดบนเรือ รวมถึงชื่อของพวกเขา ชะตากรรมของพวกเขาเกิดขึ้นที่ไหนและอย่างไร ใครคือฆาตกร และตำแหน่งที่พวกเขาควรจะมีชีวิตอยู่[1]
รีเทิร์นออฟดิโอบราดินน์ เป็นเกมไขปริศนาตรรกะขนาดใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ[2][3] เกมนี้เล่นเป็นเกมผจญภัยในมุมมองบุคคลที่หนึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถสำรวจเรือ โอบรา ดินน์ ได้อย่างเต็มที่ ตัวเกมใช้รูปแบบสีเดียวเพื่อเลียนแบบวิธีการแรเงาและสีของเกมคอมพิวเตอร์ยุคแรก[4][5] และเพื่อช่วยให้ผู้เล่นติดตามความคืบหน้า ผู้เล่นจะได้รับสมุดบันทึกที่มีภาพวาดของลูกเรือ รายชื่อลูกเรือ และพิมพ์เขียวของเรือทั้งหมด และจะได้รับ เมเมนโต มอร์เตม (ละติน: Memento Mortem) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่คล้ายกับนาฬิกาพกที่สามารถใช้กับศพได้ เมื่อเปิดใช้งาน ผู้เล่นจะได้ยินเสียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวินาทีก่อนที่ศพจะตาย และจากนั้นจะสามารถสำรวจเหตุการณ์ในช่วงเวลาแห่งความตายที่ถูกแช่แข็งไว้ การสืบสวนนี้จะใช้เพื่อระบุผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อบันทึกช่วงเวลาในห้องอื่น ๆ หรือบนชั้นเรืออื่น ๆ และเพื่อจดรายละเอียดในที่เกิดเหตุ สิ่งเหล่านี้ใช้เพื่อช่วยเชื่อมโยงใบหน้าของลูกเรือกับชื่อ และหน้าที่ของพวกเขา ซึ่งขณะที่สำรวจช่วงเวลาแห่งความตาย ผู้เล่นสามารถใช้นาฬิกาพกอีกครั้งเพื่อเข้าไปดูเหตุการณ์ซากศพอื่น ๆ ที่มองเห็นได้
ทุกครั้งที่สามารถระบุตัวตน อาวุธ ฆาตกรที่ทำการฆาตกรรม หรือสาเหตุการเสียชีวิตได้อย่างถูกต้อง 3 ศพ สมุดบันทึกจะกรอกข้อมูลพื้นฐานโดยอัตโนมัติ (เป็นลักษณะตีพิมพ์ แทนที่จะเป็นลายมือ) ซึ่งผู้เล่นจะด้ทำการระบุชื่อผู้ตายจริง ๆ และอธิบายสาเหุได้อย่างถูกต้องเท่านั้น ซึ่งอาจมาจากเงื่อนงำเล็ก ๆ น้อย ๆ การอนุมาน การหักล้างตรรกะ จนขอบเขตมีความเป็นไปได้ที่แคบลง การระบุสาเหตุการตายจะมีให้เลือกจากรายการที่กำหนด และการเสียชีวิตบางส่วนสามารถระบุสาเหตุได้มากกว่าหนึ่งวิธี ผู้เล่นสามารถแก้ไขสมุดจดรายการของตนได้เมื่อได้รับข้อมูลเพิ่มเติมในระหว่างเล่น[6]
เนื้อเรื่อง
[แก้]เรือ โอบรา ดินน์ เรือพาณิชย์อินเดียตะวันออก ที่ออกจากท่าที่แฟลมัทไปยังตะวันออก ในปี 1802 พร้อมกับลูกเรือ 51 คน และผู้โดยสาร 9 คน เรือไม่ถูกพบที่แหลมกู๊ดโฮปตามที่กำหนด จึงถูกประกาศว่าสูญหาย 5 ปีต่อมาเรือ โอบรา ดินน์ ปรากฎขึ้นอีกครั้งใกล้กับชายฝั่งอังกฤษโดยไม่พบใครที่มีชีวิตบนเรือ บริษัทอินเดียตะวันออกจึงส่งหัวหน้าผู้ตรวจการเพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นบนเรือ ผู้ตรวจสอบได้รับสมุดบันทึกและนาฬิกาพก เมเมนโต มอร์เตม (ละติน: Memento Mortem) จาก เฮนรี อีแวนส์ (อังกฤษ: Henry Evans) เสนารักษ์ประจำเรือ ซึ่งเมื่อใช้นาฬิกากับศพแล้ว จะช่วยให้ผู้ใช้สัมผัสและเดินไปรอบ ๆ ช่วงเวลาที่ศพตายได้อย่างแม่นยำ ซึ่งถูกแช่แข็งในเวลา และด้วยสิ่งนี้พร้อมกับสมุดบันทึก ผู้ตรวจสอบจึงต้องเดินทางในเวลาเพื่อคลี่คลายชะตากรรมของทั้ง 60 ชีวิตบนเรือ
เรือ โอบรา ดินน์ ได้ออกจากท่าพร้อมกับผู้โดยสารจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมไปถึงเชื้อพระวงศ์ของฟอร์โมซาและองครักษ์พร้อมกับหีบสมบัติอันวิจิตรงดงาม ความหายนะเริ่มต้นขึ้นหลังจากการเดินเรือ ลูกเรือหนึ่งคนเสียชีวิตจากสินค้าที่ตกลงมา และอีกสองคนมีอาการปอดบวม อย่างไรก็ตาม ลูกเรือกลุ่มเล็ก ๆ ก็ได้พยายามก่อกบฎเพื่อขโมยหีบสมบัติ และเมื่อเรือเดินสมุทรไปถึงใกล้กานาเรียส กลุ่มกบฎก็ได้ทำการขโมยหีบสมบัติและลักพาตัวเชื้อพระวงศ์แล้วลงเรือหลบหนีไป อย่างไรก็ตาม ไดมีสัตว์ประหลาดคล้ายนางเงือกซุ่มโจมตีเรือพายที่หลบหนี และได้ฆ่าคนส่วนมากในกลุ่ม การโจมตีของสัตว์ประหลาดถูกระงับลงเมื่อเชื้อพระวงศ์ใช้เปลือกหอยวิเศษดึงออกมาจากหีบเพื่อทำให้นางเงือกมึนงง แต่สิ่งนี้มันก็ได้ฆ่าตัวเองไปด้วยเช่นกัน ลูกเรือที่เหลือกลับไปที่โอบรา ดินน์ พร้อมกับนางเงือกที่จับได้ (ซึ่งมีเปลือกหอยวิเศษด้วย) แต่เขาถูกยิงคนบนเรือ ขณะที่พวกเขาถูกพาขึ้นเรือ สัตว์ประหลาดก็ได้โจมตีและสังหารลูกเรือจำนวนมากขึ้น ก่อนที่พวกมันจะถูกปราบและขังไว้ในห้องกักกัน
เรือ โอบรา ดินน์ พยายามที่วนกลับไปยังอังกฤษเนื่อจากมีลูกเรือเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เมื่อเรือได้วนกลับมา เหล่าสัตว์ประหลาดก็ได้ทำให้เกิดพายุร้ายพัดกระหน่ำ และมีเรียกปีศาจทะเลคู่หนึ่งที่นั่งอยู่บนปูแมงมุมยักษ์ ขึ้นเรือโดยตั้งใจจะไปให้ถึงห้องกักกันเพื่อปลดปล่อยสัตว์ประหลาด และได้ฆ่าลูกเรือก่อนที่จะถูกสังหาร หลังจากการโจมตีครั้งแรกได้ไม่นาน เรือก็ถูกโจมตีโดยคราเคน ซึ่งได้คร่าชีวิตลูกเรือไปหลายคน กัปตันไปที่ห้องกักกันและขู่ว่าจะฆ่าสัตว์ประหลาดทั้งหมดโดยหวังเพื่อจะยุติการโจมตี และจึงฆ่าสัตว์ประหลาดได้ แต่ผู้ช่วยกัปตันได้ปลดปล่อยสัตว์ประหลาดไปพร้อมกับเปลือกหอยวิเศษ ผู้โดยสารที่รอดชีวิตและลูกเรือบางส่วนตัดสินใจละทิ้งเรือ โอบรา ดินน์ และมุ่งหน้าสู่ชายฝั่งตะวันตกของแอฟริกา เฮนรี อีแวนส์ รู้ว่าบริษัทอินเดียตะวันออกจะตรวจสอบเรือลำนี้ผ่าน เมเมนโต มอร์เตม จึงจงใจฆ่าสัตว์เลี้ยงของเขาในห้องกักขังไว้ และเก็บอุ้งเท้าของมันไว้เพื่อความปลอดภัยก่อนที่จะออกเดินทางไปแอฟริกากับคนอื่น ๆ ลูกเรือที่เหลืออีกหันไปหากัปตันโดยต้องการยึดเรือ หีบ และเปลือกหอยวิเศษคืนเพื่อชดเชยความยากลำบาก โดยไม่รู้ว่ามันถูกโยนออกจากเรือไปแล้ว กัปตันจึงฆ่าพวกกบฏแล้วฆ่าตัวตาย
หลายปีต่อมา ผู้ตรวจการประกันภัยสามารถจัดทำรายการผู้เสียชีวิตทั้งหมดบนเรือได้ ยกเว้นผู้ที่อยู่ในห้องกักขังที่ถูกล็อกไว้ หลังจากที่ผู้ตรวจสอบออกจากเรือ พายุที่รุนแรงก็พัดเข้ามาและเรือ โอบรา ดินน์ ก็จมลง สมุดบันทึกที่กรอกเสร็จแล้วถูกส่งกลับไปยังอีแวนส์ และรายงานการประกันภัยถูกเขียนขึ้นเพื่อกำหนดการชดเชยหรือปรับทรัพย์สินของลูกเรือที่สูญหาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความประพฤติของพวกเขาที่ได้บันทึกลง หนึ่งปีต่อมา เจน เบิร์ด (อังกฤษ: Jane Bird) หนึ่งในผู้รอดชีวิตที่หนีไปกับอีแวนส์ ส่งหนังสือกลับไปให้ผู้ตรวจการพร้อมกับอุ้งเท้าของสัตว์ และจดหมายแจ้งว่าอีแวนส์ได้เสียชีวิตไม่นานหลังจากได้รับสมุดบันทึกคืน จากนั้นผู้ตรวจการจึงใช้ เมเมนโต มอร์เตม บนอุ้งเท้าของสัตว์เพื่ออนุมานว่าเกิดอะไรขึ้นในห้งกักกัน แล้วจึงจบเรื่องทั้งหมดของเรือ โอบรา ดินน์
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ↑ "Papers, Please creator Lucas Pope details his next game". pcgamer (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 9, 2021. สืบค้นเมื่อ November 13, 2022.
- ↑ Francis, Bryant (November 25, 2018). "For Lucas Pope, Return of the Obra Dinn was a bunch of appealing design problems". Gamasutra. สืบค้นเมื่อ November 13, 2022.
- ↑ Schreier, Jason (December 2, 2018). "Why Obra Dinn Is One Of The Year's Best Games". Kotaku. สืบค้นเมื่อ November 13, 2022.
- ↑ Gault, Matthew (October 18, 2018). "'Return of the Obra Dinn' Is a Beautiful Murder Mystery by the Creator of 'Papers, Please'". Vice. สืบค้นเมื่อ November 13, 2022.
- ↑ Goodman, Ben (February 18, 2021). "Our favorite low-click PC games". PC Gamer. สืบค้นเมื่อ November 13, 2022.
- ↑ Kohler, Chris (October 18, 2018). "Return of the Obra Dinn: The Kotaku Review". Kotaku. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ November 13, 2022. สืบค้นเมื่อ October 18, 2018.