คาราเมล
จานรองคาราเมลเหลว | |
มื้อ | ของหวานหรือของว่าง |
---|---|
แหล่งกำเนิด | ไม่ระบุ |
ภูมิภาค | ไม่ระบุ |
ผู้สร้างสรรค์ | หลากหลาย |
ส่วนผสมหลัก | น้ำตาล |
รูปแบบอื่น | แผ่นกรอบ, พราลีน, แครมบรูว์เล, แครมการาแมล และแอปเปิลคาราเมล |
คาราเมล (อังกฤษ: caramel) หรือ น้ำตาลที่ผ่านความร้อนจนได้อุณหภูมิที่เหมาะสม เดิมทีคือสิ่งที่เกิดจากการเปลี่ยนสถานะและรสชาติของน้ำตาลโดยใช้ความร้อนจนถึงอุณหภูมิ 160-170 องศาเซลเซียส) ช่วงก่อนถึงจุดความร้อนดังกล่าวนั้นน้ำตาลจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว และจะเริ่มเปลี่ยนสีเข้มขึ้นพร้อมทั้งมีรสชาติที่ซับซ้อนมากขึ้นตามระดับอุณหภูมิ แต่การทำคาราเมลจากน้ำตาลโดยตรงมีอัตราเสี่ยงต่อการไหม้สูง จึงนิยมใช้น้ำเป็นตัวทำละลายในตอนเริ่มต้น(น้ำเชื่อม) และผ่านความร้อนจนน้ำหรือความชื้นระเหยออกไปมากพอที่น้ำตาลจะเริ่มกระบวนการเปลี่ยนสถานะ น้ำเชื่อมที่ผ่านความร้อนถึงอุณหภูมิต่างกันจะมีความข้นเหนียวและความเปราะต่างกันไปจนถึงขั้นสุดท้ายตามตาราง[1]
ระดับความหนืดน้ำเชื่อม | อุณหภูมิ (เซลเซียส) |
---|---|
Thread | 110 |
Soft ball | 115 |
Firm ball | 118 |
Hard ball | 122-127 |
Small Crack | 130-132 |
Crack | 135-138 |
Hard Crack | 143-155 |
Caramel | 160-170 |
คาราเมลยังถูกใช้เป็นส่วนผสมเพื่อให้รสชาติและกลิ่นในของหวานชนิดอื่นๆ เช่น ขนมปัง, ไอศกรีม, เค้ก, มูส หรือใช้เป็นเครื่องเคียงหรือซอสราดตกแต่งหน้า ภายหลังจึงมีการใช้คำว่า "คาราเมล" แทนขนมจำพวกลูกกวาดบางชนิด หรือซอสราดที่เกิดจากการผสมส่วนน้ำตาลที่เปลี่ยนสถานะแล้วกับวัตถุดิบอื่นๆ เช่นครีม นม เนย ฝักวานิลลา เป็นต้น เพื่อให้ได้ลักษณะผิวสัมผัสและรสชาติความหอมตามที่ต้องการ
นอกจากนี้เมื่อคาราเมลเย็นตัวจะมีลักษณะแข็ง จึงนิยมทำของประดับจาน หรือเคลือบขนม ผลไม้ หรือถั่วด้วย
สีคาราเมล หมายถึง สีน้ำตาลแก่
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ (Professional Baking), Wayne Gisslen, John Wiley & Sons, Inc. page115