ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Bratboyz (คุย | ส่วนร่วม)
TXiKiBoT (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 233: บรรทัด 233:
[[en:O'Hare International Airport]]
[[en:O'Hare International Airport]]
[[eo:Flughaveno O'Hare]]
[[eo:Flughaveno O'Hare]]
[[es:Aeropuerto Internacional O'Hare]]
[[es:Aeropuerto Internacional Chicago-O'Hare]]
[[fi:O'Haren kansainvälinen lentoasema]]
[[fi:O'Haren kansainvälinen lentoasema]]
[[fr:Aéroport international O'Hare de Chicago]]
[[fr:Aéroport international O'Hare de Chicago]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 07:24, 14 พฤษภาคม 2550

ท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ (O'Hare International Airport) ตั้งอยู่ที่ ชิคาโก, มลรัฐอิลลินอยส์, สหรัฐอเมริกา ห่างจากตัวเมืองชิคาโกไปทางตัวะนตกเฉียงเหนือ 27 กิโลเมตร (17 ไมล์) เป็นท่าอากาศยานหลักของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ และเป็นท่าอากาศยานรองของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ บริหารงานโดยกรมขนส่งทางอากาศเมืองชิคาโก (City of Chicago Department of Aviation)

ก่อนหน้าปี พ.ศ. 2548 โอแฮร์เคยเป็นท่าอากาศยานที่มีความหนาแน่นที่สุด ในกรณีการขึ้น-ลงของเครื่องบิน เนื่องจากในปีนั้นกรมการบินสหรัฐอเมิรกาได้ลดเที่ยวบินลง[1] เพื่อลดความล่าช้า จึงทำให้ท่าอากาศยานนานาชาติฮาร์ทสฟิลด์-แจ็คสัน แอตแลนตากลายมาเป็นท่าอากาศยานที่มีความหนาแน่นที่สุด ส่วนโอแฮร์ตกมาเป็นอันดับที่ 2 และยังเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ด้วยจำนวนผู้โดยสาร 76,248,911 คน ในปีพ.ศ. 2549 ลดลง 0.3% จากปีพ.ศ. 2548 [2] ท่าอากาศยานโอแฮร์ยังให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศกว่า 60 เส้นทางบิน ในปีพ.ศ. 2548 โอแฮร์จัดเป็นประตูสู่สหรัฐอเมริกาลำดับที่ 4 เป็นรองจาก ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี ในนิวยอร์ก, ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแองเจลีส และท่าอากาศยานนานาชาติไมอามี ซึ่งมีจำนวนผู้โดยสารระหว่างเทศมาใช้บริการมากกว่า

ท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นท่าอากาศยานยอดเยี่ยมของอเมริกาเหนือตลอดช่วง 9 ปีที่ผ่านมาจากการจัดอันดับของนิตยสาร Business Traveler Magazine (พ.ศ. 2541- 2546) และ Global Traveler Magazine (พ.ศ. 2548-2549) สร้างประวัติศาสตร์การเป็นท่าอากาศยานชั้นนำของโอแฮร์[3]

ถึงแม้ว่าโอแฮร์จะเป็นท่าอากาศยานหลัก แต่ท่าอากาศยานนานาชาติชิคาโกมิดเวย์ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานอันดับสอง อยู่ใกล้กับย่านเศรษฐกิจของชิคาโก (Chicago Loop) มากกว่า

ประวัติ

ท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2485-2486 เป็นโรงงานผลิตเครื่องดักลาส ซี-54 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เหตุที่เลือกที่ดินบริเวณนี้ก็เพราะว่าอยู่ใกล้กับตัวเมืองและการคมนาคมขนส่ง ด้วยพื้นที่ขนาด 180,000 ตารางเมตร (ประมาณ 2 ล้านตารางฟุต) ต้องการคมนาคมเข้าออกสะดวกสำหรับแรงงานจากเมืองที่กลายมาเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ และมีทางรถไฟรองรับ ชุมชนออร์คาร์ด เพลส (Orchard Place) เป็นชุมชนเล็กๆที่ตั้งอยู่บริเวณนั้นมาก่อน จึงเรียกชื่อบริเวณนี้ว่าท่าอากาศยานออร์คาร์ด เพลส/ดักลาส ฟิลด์ (Orchard Place Airport/Douglas Field) ในช่วงระหว่างสงคราม (และเป็นที่มาของรหัส IATA - ORD) และยังเป็นคลังสรรพาวุธของการบิน 803 ซึ่งเก็บเครื่องบินหายาก หรือเครื่องบินรุ่นทดลองไว้ รวมทั้งเครื่องบินของฝ่ายข้าศึกที่ยึดมาได้ โดยเครื่องบินประวัติศาสตตร์เหล่านั้นได้นำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์อากาศยานแห่งชาติ (National Air Museum) ในภายหลัง

สัญญาของบริษัทดักลาส แอร์คราฟต์ สิ้นสุดลงในปีพ.ศ. 2488 และแม้ว่าตามแผนการจะสร้างที่ผลิตเครื่องบินพาณิชย์ แต่บริษัทก็เลือกที่ผลิตจากทางภาคตะวันตกมากกว่า และถึงแม้บริษัทดักลาสจะออกจากพื้นที่ไป แต่ชื่อของท่าอากาศยานยังคงใช้ท่าอากาศยานออร์คาร์ด เพลส และในปีพ.ศ. 2488 นั้นเอง เมืองชิคาโกได้เข้ามาใช้พื้นที่แห่งนี้สำหรับรองรับความต้องการการบินในอนาคต และถึงแม้ว่ารหัสสนามบิน IATA จะยังคงใช้ ORD ที่มีที่มาจากชื่อเดิม แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อท่าอากาศยานใหม่ในปีพ.ศ. 2492 ตามชื่อของ เอ็ดเวิร์ด บุตช์ โอแฮร์ (Edward "Butch" O'Hare) นักบินเครื่องบินรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้ซึ่งได้รับเหรียญกล้าหาญ Medal of Honor

จนกระทั่งช่วงต้นทศวรรษ 1950 (พ.ศ. 2493) ท่าอากาศยานนานาชาติชิคาโกมิดเวย์ ซึ่งเป็นท่าอากาศยายหลักของชิคาโกมาตั้งแต่พ.ศ. 2474 นั้นคับแคบและหนาแน่น แม้ว่าจะได้มีการขยายแล้วก็ตาม และยังไม่สามารถรองรับเครื่องบินเจ็ตรุ่นใหม่ได้ เมืองชิคาโกและการท่าอากาศยานสหรัฐอเมริกา (FAA) หันมาพัฒนาโอแฮร์ให้เป็นท่าอากาศยานหลักของชิคาโกแทน เที่ยวบินพาณาชย์เที่ยวแรกเริ่มให้บริการในปีพ.ศ. 2498 หลังจากนั้นได้สร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขึ้นในปีพ.ศ. 2501 แต่เที่ยวภายภายในประเทศเส้นทางหลักยังคงใช้ที่มิดเวย์จนกระทั่งการขยายของโอแอร์แล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2505 การย้ายที่บินภายในประเทศจากมิดเวย์มายังโอแฮร์ ทำให้โอแฮร์กลายเป็นท่าอากาศยานที่หนาแน่นที่สุดของโลก รองรับผู้โดยสาร 10 ล้านคนต่อปี และในระยะเวลาเพียง 2 ปี จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในปีพ.ศ. 2540 จำนวนผู้โดยสารถึงระดับ 70 ล้านคน และขณะนี้เพิ่มเป็น 80 ล้านคนต่อปี

อุบัติเหตุ

  • 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2522 อเมริกันแอร์ไลน์ เที่ยวบิน 191 ตกขณะนำเครื่องขึ้น เพื่อไปยังท่าอากาศยานนานาชาติลอสแองเจลีส ใน ลอสแองเจลีส มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้โดยสาร 271 คน และอีก 2 คนบนภาคพื้นดิน เสียชีวิต เหตุการณ์ครั้งนี้ยังเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตจากเครื่องบินตกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา
  • 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 สมาชิกกลุ่มอัลกออิดะ โจเซ่ พาดิลลา (Jose Padilla) ถูกจับกุมขณะที่เครื่องบินที่เขานั่งมาลงจอดเพื่อตรวจค้นระเบิดที่ติดตั้งไว้ตามการรายงาน
  • 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 พนักงานของยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ได้แจ้งความว่ามองเห็นเครื่องบินรูปร่างคล้านจาน พนักงานเหล่านั้น รวมทั้งนักบินกล่าวว่ามองเห็นวัตถุลอยเหนือท่าอากาศยานก่อนที่พุ่งตัวผ่านกลีบเมฆขึ้นไป การท่าอากาศยานสหรัฐอเมริกาได้รับรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้โทรมาที่หอบังคับการบินโอแฮร์และสอบถามถึงบุคคลที่ได้มองเห็นวัตถุประหลาด แต่เจ้าหน้าที่หอบังคับการบินได้กล่าวตอบอะไร และจากการตรวจสอบเรดาห์ก็ไม่พบวัตถุอะไรที่ผิกปกติ

แผนปรับปรุง

ปริมาณการใช้บริการจำนวนมากและปัญหาความหนาแน่นทำให้มีการยกเลิกเที่ยวบิน และทำให้เกิดความล่าช้าที่โอแฮร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบินทั่วสหรัฐอเมริกา มีรายงานอย่างเป็นทางการว่าโอแฮร์เป็นท่าอากาศยานที่ตรงต่อเวลาน้อยที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยวัดจากสัดส่วนของเที่ยวบินที่เกิดความล่าช้า ในปีพ.ศ. 2547 ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ และอเมริกัน แอร์ไลน์ มีข้อตกลงร่วมกันที่จะปรับเปลี่ยนตารางเวลาบินเพื่อลดความคับคั่งทั้งขาเข้าและขาออก และเพราะการจราจรทั้งขาเข้า ขาออก และท่าอากาศยานบริเวณใกล้เคียง เจ้าหน้าที่หอบังคับการบินของโอแฮร์และเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆต้องทำงานหนักมากที่สุดในโลก เนื่องด้วยปริมาณเที่ยวบินจำนวนมากต่อชั่วโมง

เมืองชิคาโกได้อนุมัติวงเงินทุน 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของท่าอากาศยานอีกร้อยละ 60 และลดความล่าช้าลงประมาณร้อยละ 79[4] โดยแผนงานนี้ได้รับอนุมัติจากการท่าอากาศยานสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2549 ซึ่งเกี่ยงข้องกับการขยายพื้นที่ของท่าอากาศยานและอาคารผู้โดยสาร โดยจะมีทางวิ่ง 4 เส้น ที่สร้างเพิ่ม และรื้อถอนออกไป 3 เส้น ซึ่งจะทำให้มีทางวิ่งขนานกันทั้งหมด 8 เส้น คล้ายกับกรณีของดัลลาส โดยจะทำให้โอแฮร์ขยายขีดความสามารถที่จำกัดเพื่อที่โอแฮร์จะไม่เพลี้ยงพล้ำให้กับท่าอากาศยานใดๆ ในกรณีของจำนวนผู้โดยสารในอนาคต แผนการปรับปรุงนี้ได้เริ่มลงมือก่อสร้างแล้ว หลังจากที่เกิดความล่าช้ามานาน และทางวิ่งใหม่เส้นแรกคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2551-2552 และจะขยายอาคารผู้โดยสาร 3 และ 5 ส่วนอาคารผู้โดยสารหลังใหม่จะตั้งอยู่สุดทางฝั่งตะวันตกของพื้นที่ พร้อมกับทางเข้าออกใหม่ อย่าไรก็ตามจะต้องมีการเวนคืนที่ดินบางส่วน ประมาณ 2,800 ครัวเรือน โครงการนี้จะทำให้ท่าอากาศยานแห่งนี้สามารถรองรับการจราจรได้มากกว่า 3,800 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ประมาณ 2,700 เที่ยวบินต่อวัน และจะทำให้ความสามารถในการรองรับจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

  ทางวิ่งปัจจุบันนี้
  ทางวิ่งใหม่
  ทางวิ่งที่จะรื้อออก

การต่อต้าน และทางเลือกอื่น

มีการรวมตัวกันของชุมชนเบนเซนวิลล์ และเอลก์กรูฟวิลเลจ ในรัฐอิลลินอยส์ ขึ้นเป็นคณะกรรมการชุมชนรอบบเมืองโอแฮร์ (Suburban O'Hare Commission)[5] เพื่อต่อต้านแผนปรับปรุงท่าอากาศยาน เพราะจะทำให้บ้านเรือน และธุรกิจร้านค้าต้องย้ายออกไปจากพื้นที่ ถึงแม้ว่าข้อเรียกร้องจะไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก แต่ก็ได้คำสั่งศาลให้คุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการขยายท่าอากาศยานออกไปก่อน อย่างไรก็ตามคำสั่งคุ้มครองก็ยกเลิกไปในภายหลังไม่นานนัก นอกจากนี้ทางคณะกกรมการชุมชนได้ยื่นข้อเสนอให้หันไปพัฒนาท่าอากาศยานอับราฮัม ลิงคอล์น เนชั่นเนลแทน เพื่อลดความแออัดของโอแฮร์ แต่ไม่มีสายการบินใดตอบรับข้อเสนอนี้

ในปีพ.ศ. 2538 เมืองชิคาโก และเมืองแกรี่ ในมลรัฐอินดีแอนา ได้จับมือกันตั้งกรรมการบริหารท่าอากาศยานนานาชาติแกรี่/ชิคาโกขึ้นมาปรับปรุงท่าอากาศยานแห่งนี้ขึ้นมาเป็นท่าอากาศยานอันดับ 3 ที่รองรับเมืองชิคาโก แต่แผนปฏิบัตินี้มีขนาดเล็กกว่าข้อเสนอปรับปรุงท่าอากาศยานอับบราฮัม ลินคอล์น แต่แกรี่/ชิคาโกก็มีความพร้อมตรงที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าชิคาโกมิดเวย์ รวมทั้งมีทางวิ่งให้บริการที่ยาวกว่าทางวิ่งที่ยาวที่สุดของชิคาโกมิดเวย์ อย่างไรก็ตามรัฐบาลรัฐอิลลินอยส์ก็ไม่ได้เห็นพ้องกับเมืองชิคาโกเท่าใดนัก มีเพียงผู้ว่าการรัฐอินเดียนา มิตช์ แดเนียลส์ ที่ให้การสนับสนุนเงินทุนพัฒนาท่าอากาศยาน ซึ่งขณะนี้กำลังก่อสร้างขยายขนาดทางวิ่งอยู่ และองค์กรการบินสหรัฐอเมริกา (FAA) ก็เห็นชอบกับโครงการนี้ และเห็นความจำเป็นในการขยายขีดความสามารถทั้งของโอแฮร์ และแกรี่/ชิคาโก เพื่อรองรับเมืองชิคาโก

นอกจากนี้ยังมีท่าอากาศยานนานาชาติชิคาโก/ร็อคฟอร์ด ในเมืองร็อคฟอร์ด ที่มีความพยายามเสนอตัวเป็นทางเลือกเพื่อลดความแออัดของโอแฮร์ ปัญหาที่สำคัญของท่าอากาศยานแห่งนี้ก็คือ การจราจรระหว่างท่าอากาศยานกับโอแฮร์กับตัวเมืองชิคาโก ที่ยังไม่พร้อมที่ระรองรับการขยายตัว แต่นายกเทศมนตรีคนปัจจุบันของเมืองร็อคฟอร์ด แลร์รี่ มอร์ริสซีย์ ก็ได้เร่งสร้างระบบรถไฟความเร็วสูงระหว่างชิคาโก/ร็อคฟอร์ดและโอแฮร์ เพื่อสร้างโอกาสของท่าอากาศยานในอนาคต

ท่าอากาศยานนานาชาติเจเนรัลมิตเชลล์ ในมิลวอกี มลรัฐวิสคอนซิน เป็นท่าอากาศยานอีกแห่งหนึ่งที่เสนอตัวเป็นทางเลือกของเมืองชิคาโก และเมืองทางตอนเหนือของอิลลินอยส์ และยังมีระบบรถไฟแอมแทร็ก เชื่อมต่อระหว่างท่าอากาศยานมิตเชลล์และเมืองชิคาโกอยู่แล้ว

อาคารผู้โดยสาร และสายการบิน

ท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์มีอาคารผู้โดยสาร 4 หลัง โดยกำลังพิจารณาก่อสร้างเพิ่มอีก 2 หลังหรือมากกว่า และมีความเป็นไปได้สูงที่จะสร้างกลุ่มอาคารผู้โดยสารทางฝั่งตะวันตกเพิ่มเติม

อาคารผู้โดยสาร 1 (อาคารผู้โดยสารยูไนเต็ดแอร์ไลน์)

เที่ยวบินระหว่างประเทศจะให้บริการที่อาคารผู้โดยสาร 5

อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเดิมที่สร้างเมื่อปีพ.ศ. 2498 ถูกแทนที่ด้วยอาคารผู้โดยสาร 1 ในปัจจุบันเมื่อปีพ.ศ. 2530 ซึ่งออกแบบโดยเฮลมุต ยาห์น

อาคารผู้โดยสาร 1 - คองคอส บี
ทางเชื่อมระหว่างคองคอสบีและคองคอสซี

อาคารเทียบเครื่องบิน บี

  • ลุฟต์ฮันซา (แฟรงก์เฟิร์ต, มิวนิก)
  • ยูไนเต็ดแอร์ไลน์
    • ภายในประเทศ: (กรีนส์โบโร, แกรนแรปิดส์, คลีฟแลนด์, โคลัมบัส, แจ๊คสันวิลล์ (เฉพาะฤดูกาล), แจ็คสันโฮล, ชาร์ลอตต์, ซอลต์เลกซิตี, ซาคราเมนโต, ซานโจเซ (CA), ซานดิเอโก, ซานฟรานซิสโก, ซานแอนโตนิโอ, ซานฮวน, ซินซิเนติ/นอร์ทเทิร์น เคนตักกี, ซีแอตทัล/มาโคมา, เซนต์โธมัส, เซนต์หลุยส์, ดัลลาส/ฟอร์ทเวิร์ธ, ดีทรอยส์, เดนเวอร์, เดย์ตัน, เดส มอนส์, นิวยอร์ก-ลากวาเดีย), นูอาร์ก, บอยส์, บอสตัน, บับฟาโล, บัลติมอร์/วอชิงตัน, เบอร์ลังตัน, โบซแมน (เฉพาะฤดูกาล), ปาล์มสปริง (เฉพาะฤดูกาล), โปรวิเดนซ์, พอร์ทแลนด์ (OR), พิตส์เบิร์ก, ฟิลาเดเฟีย, ริชมอนด์, โรเชสเตอร์ (NY), วอชิงตัน-ดัลเลส, วอชิงตัน-เรแกน, เวสต์ปาล์มบีช, สโปเคน, ออลบานี, ออเรนจ์เคาน์ตี, อังกาเรจ (เฉพาะฤดูกาล), อินเดียนาโปลิส, แอตแลนตา, โอกลาโฮมาซิตี, โอ๊คแลนด์, โอมาฮา, ฮอนโนลูลู, ฮาร์ทฟอร์ด/สปริงฟิลด์, ฮุสตัน-อินเตอร์คอนติเนนตัล, แฮริสเบิร์ก)
    • ระหว่างประเทศ: (แกรนเคย์แมน, คาลแกรี, โคซูเมล, ซานโจเซเดลคาโบ, ซานเปาโล-กัวรูลอส, เซี่ยงไฮ้-ผู่ตง, โซล-อินชอน, โตเกียว-นาริตะ, โทรอนโต-เพยีร์สัน, ไทเป-เถาหยวน, นาโงยา-เซนแทรย์, เบอร์มิวดา, ปักกิ่ง, ปารีส-ชาร์ลเดอโกล, เปอร์โตวัลลาร์ตา, แฟรงก์เฟิร์ต, มอนเตโกเบย์, เม็กซิโกซิตี, ลอนดอน-ฮีทโธรว์, ลิเบอเรีย, วินนิเป็ก, แวนคูเวอร์, สิงคโปร์, อัมสเตอร์ดัม, อารูบา, ฮ่องกง)
    • เท็ด ให้บริการโดย ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ (แคนคูน, ซานโจเซเอลคาโบ, ซานอวน, แทมป้า, เปอร์โตวัลลาร์ตา, ฟอร์ตโลเดอเดล, ฟินิกซ์, ไมอามี, ลาสเวกัส, ออร์แลนโด)
    • ยูไนเต็ดเอ็กซ์เพรส ให้บริการโดย โกเจ็ตแอร์ไลน์ (แจ็คสันวิลล์ (เฉพาะฤดูกาล), ซานแอนโตนิโอ, ซินซิเนติ/นอร์ทเทิร์นเคนตักกี, ซีราคูส, เซนต์หลุยส์, ตูลซา, แมนเชสเตอร์ (NH), โมลีน/ควอดซิตี (จนถึงวันที่ 23เมษายน 2550), โอมาฮา)
    • ยูไนเต็ดเอ็กซ์เพรส ให้บริการโดย ชัตเติลอเมริกา (แกรนแรปิดส์, แคนซัสซิตี, โคลัมบัส, ซีดาร์แรปิดส์/ไอโอวาซิตี, ดัลลาส/ฟอร์ทเวิร์ธ, เดสมอนส์, นิวออร์ลีน, บับฟาโล, ฟอร์ทไมเยอส์, มอนทรีอัล, มินนีอาโปลิส/เซนต์ปอล, เมียร์เทิลบีช, ราเลน/เดอร์แฮม, ไวท์เพลนส์, ออตตาวา, ออลบานี, ออลบูเควิก, อินเดียนาโปลิส, แอตแลนตา, ฮาร์ทฟอร์ด/สปริงฟิลด์, ฮาลิแฟก (เริ่ม 7 มิถนายน 2550), ฮุสตัน-อินเตอร์คอนติเนนตัล)
    • ยูไนเต็ดเอ็กซ์เพรส ให้บริการโดย โชโตโกวแอร์ไลน์ (ซีราคูซ, เซาท์เบนด์, บับฟาโล, โรเชสเตอร์ (NY), หลุยส์วิลล์, อินเดียนาโปลิส)
    • ยูไนเต็ดเอ็กซ์เพรส ให้บริการโดย ทรานสเตทแอร์ไลน์ (ซีราคูซ, เซนต์หลุยส์, เซาท์เบนด์, บลูมิงตัน, เบอร์ลิงตัน, พอร์ทแลนด์ (ME), มอนทรีอัล, มิลโวกี, แมดิสัน, แมนเชสเตอร์ (NH), โมลีน/ควอดซิตี, ราเลน/เดอร์แฮม, ริชมอนด์, ไวท์เพลนส์, ออลบานี, โอมาฮา, แฮริสเบิร์ก)
    • ยูไนเต็ดเอ็กซ์เพรส ให้บริการโดย เมซาแอร์ไลน์ (กรีนวิลล์ (SC), แกรนแรปิดส์, คลีฟแลนด์, คาลแกรี, แคนซัสซิตี, โคลัมบัส, โคลัมเบีย, โคโลลาโดสปริงส์, ชาร์ล๊อตต์, ชาร์เลสตัน (SC), ซาวันนาห์, ซีดาร์แรปิดส์/ไอโอวาซิตี, ซีราคูส, เซาท์เบนด์, เดย์โทนาบีช, เดสมอนส์, ตูลซา, ทราเวิร์สซิตี, แนชวิลล์, บอยส์, เบอร์มิงแฮม (AL), มิลโวกี, เมมฟิส, แมนเชสเตอร์ (NH), โมลีน/ควอดซิตี, ราเลน/เดอร์แฮม, โรเชสเตอร์ (NY), วิชิตา, ไวล์ค-แบร์/สครานตัน, สปริงฟิลด์ (IL) (เริ่ม 24 เมษายน 2550), ออสติน, อัลเลนทาวน์/เบธเลแฮม, แอตแลนตา, แอ็ปเปิลตัน)
    • ยูไนเต็ดเอ็กซ์เพรส ให้บริการโดย สกายเวสต์ (กาลามาซู, แกรนแรปิดส์, คลีฟแลนด์, แคนซัสซิตี, โคลัมบัส, โคโลราโดสปริงส์, แจ็คสันวิลล์ (เฉพาะฤดูกาล), ชาร์เลสตัน (WV), ซอลท์เลกซิตี, ซากีนอ, ซานแอนโตนิโอ, ซาวันนาห์, ซินซิเนติ/นอร์ทเทิร์นเคนตักกี, ซีดาร์แรปิดส์/ไอโอวาซิตี, ซีราคูส, เซาท์เบนด์, โซกซ์ฟอลส์, เดย์ตัน, เดสมอนส์, ตูลซา, ทราเวิร์สซิตี, น็อกซ์วิลล์, นอร์ฟอร์ก, แนชวิลล์, เบอร์มิงแฮม (AL), เบอร์ลิงตัน, โปรวิเดนซ์, พิตส์เบิร์ก, พิโอเรีย, ฟอร์ทเวย์น, ฟาเย็ตวิลล์ (AR), ฟาร์โก, มิลโวกี, เมมฟิส, โมลีน/ควอดซิตี, รัวโนก, แรปิดซิตี, ลินคอล์น, เล็กซิงตัน, แลนซิง, วัวซัว/สตีเวนพอยส์, วิชิตา, ไวค์แบร์/สแครนตัน, สปริงฟิลด์ (IL), สปริงฟิลด์/เบรนสัน, หลุยส์วิลล์, ออสติน, อัลเลนทาวน์/เบธเลแฮม, อากรอน/แคนตัน, อินเดียนาโปลิส, เอ็ดมอนตัน, เอสเปน (เฉพาะฤดูกาล), แอ็ปเปิลตัน, โอมาฮา, ฮุสตัน-อินเตอร์คอนติเนนตัน)
  • ออลนิปปอนแอร์เวย์ (โตเกียว-นาริตะ)

อาคารเทียบเครื่องบิน ซี

อาคารผู้โดยสาร 2

อาคารผู้โดยสาร 2 สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่มีการขยายท่าอากาศยานในปีพ.ศ. 2505 พร้อมกับอาคารผู้โดยสาร 3

อาคารเทียบเครื่องบิน อี

อาคารเทียบเครื่องบิน เอฟ

อาคารผู้โดยสาร 3

เที่ยวบินระหว่างประเทศจะให้บริการที่อาคารผู้โดยสาร 5

อาคารผู้โดยสาร 3

อาคารผู้โดยสาร 3 สร้างเมื่อพ.ศ. 2505 และได้มีการต่อเติมในปีพ.ศ. 2526 ในส่วนของคองคอส แอล ขณะนี้กำลังมีการปรับปรุงคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีพ.ศ. 2550

อาคารเทียบเครื่องบิน จี

  • อเมริกันแอร์ไลน์
    • อเมริกันอีเกิล (กรีนเบย์, กรีนโบโร, กรีนวิลล์ (SC), กาลามาซู, แกรนแรปิดส์, คลีฟแลนด์, โคลัมบัส, โคโลราโดสปริงส์, แจ็คสัน, แจ็คสันวิลล์, ชาร์ล็อตต์, เชรฟพอร์ท (เริ่ม 10 เมษายน 2550), แชตตานูกา, แชมเปญ/เออร์บานา, ซินซิเนติ/นอร์ทเทิร์นเคนตักกี, ซีดาร์แรปิดส์/ไอโอวาซิตี, ซีราคูส, ดีทรอยส์, ดูบัก, เดย์ตัน, เดสมอนส์, ตัน, ตูลซา, ทราเวิร์สซิตี, โทเลโด, น็อกซ์วิลล์, นอร์ฟอล์ก, นิวเบิร์ก, นิวยอร์ก-เจเอฟเค, แนชซู, แนชวิลล์, บลูมมิงตัน, บับฟาโล, บัลติมอร์/วอชิงตัน, บาตัน เราจ์, เบอร์มิงแฮม (AL) (เริ่ม 10 เมษายน 2550), โปรวิเดนซ์, พิตส์เบิร์ก, พิโอเรีย, เพนซาโคลา, ฟรีพอร์ท, ฟลินต์, ฟอร์ทเวย์น, ฟาเย็ตต์วิลล์ (AR), มอนทรีอัล, มาร์เกว็ตเต, มิลโวกี, เมดิสัน, เมมฟิส, โมบาย (เริ่ม 10 เมษายน 2550), โมลีน/ควอดซิตี, รัชมอนด์, โรเชสเตอร์ (MN), โรเชสเตอร์ (NY), ลาครอส, ลิตเติลร็อค, เล็กซิงตัน, วอชิงตัน-ดัลเลส (จนถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2550), วิชิตา, ไวท์เพลนส์, สปริงส์ฟิลด์ (MO), หลุยส์วิลล์, ออตตาวา, อัลบานี, อินเดียนาโปลิส, อีแวนส์วิลล์, แอตแลนตา, โอกลาโอมาซิตี, โอมาฮา, ฮันส์วิลล์, ฮาร์ทฟอร์ด/สปริงส์ฟิลด์, ฮาลิแฟก (เริ่ม 1 พฤษภาคม 2550), แฮริสเบิร์ก)

อาคารเทียบเครื่องบิน เอช

  • อเมริกันอีเกิล (ดูที่คองคอส จี)
  • อเมริกันแอร์ไลน์
    • ภายในประเทศ: (แคนซัสซิตี, แจ็คสันโฮล (เฉพาะฤดูกาล), ซอลท์เลกซิตี, ซานโจเซ (CA), ซานดิเอโก, ซานฟรานซิสโก, ซานแอนโตนิโอ, ซานฮวน, ซีแอตเทิล/ทาโคมา, เซนต์หลุยส์, ดัลลาส/ฟอร์ทเวิร์ธ, ดีทรอยส์, เดนเวอร์, ตูลซา, ทักสัน, แทมป้า, นิวยอร์ก-ลากวาเดีย, นูอาร์ก, นิวออร์ลีนส์, แนชวิลล์, บอสตัน, ปาล์มสปริงส์, พอร์มแลนด์ (OR), ฟอร์ทเมเยอร์, ฟอร์ทลัวเดอเดล, ฟาเย็ตวิลล์ (AR), ฟิลาเดเฟีย, ฟีนิกซ์, มอนโทรส/เทลลูไรด์ (เฉพาะฤดูกาล), มาอุย, มินนีอาโปลีส/เซนต์ปอล, ไมอามี, ราเลน/เดอร์แฮม, เรโน/ทาโฮ, ลอสแองเจลีส, ลาสเวกัส, วอชิงตัน-เรแกน, เวสท์ปาล์มบีช (เฉพาะฤดูกาล), ออร์แลนโด, ออเรนจ์เคาน์ตี, ออสติน, อัลบูเคิร์ก, อินเดียนาโปลิส, อีเกิล/เวล (เฉพาะฤดูกาล), เอลปาโซ, แอตแลนตา, ฮอนโนลูลู, ฮุสตอน-อินเตอร์คอนติเนนตัล, เฮย์เดน/สตีมโบทสปริงส์ (เฉพาะฤดูกาล))
    • ระหว่างประเทศ: (คาลแกรี (เฉพาะฤดูกาล), แคนคูน, แชนนอน, ซารโจเซเดลคาโบ, เซี่ยงไฮ้-ผู่ตง, ดับลิน, เดลลี, โตเกียว-นาริตะ, โทรอนโต-เพียร์สัน, บรัสเซลส์, ปารีส-ชาร์ล เดอ โกล, เปอร์โตวัลลาร์ตา, แฟรงก์เฟิร์ต, มอนทรีอัล, เม็กซิโกซิตี, แมนเชสเตอร์ (อังกฤษ), โรม-ฟิอูมิชิโน (เริ่ม 10 เมษายน 2550), ลอนดอน-ฮีทโธรว์, แวนคูเวอร์ (เฉพาะฤดูกาล), อคาพูลโค (เฉพาะฤดูกาล))

อาคารเทียบเครื่องบิน เค

อาคารเทียบเครื่องบิน แอล

อาคารผู้โดยสาร 4

อาคารผู้โดยสาร 4 เคยใช้เป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างเทศในช่วงพ.ศ. 2527 - 2536 ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารจอดรถ โดยผู้โดยสารระหว่างประเทศจะเชคอินที่อาคารผู้โดยสาร 4 จากนั้นจะนั่งรถบัสไปยังเครื่องบินโดยสาร จนกระทั่งอาคารผู้โดยสาร 5 เปิดให้บริการ อาคารผู้โดยสาร 4 จึงปรับเปลี่ยนเป็นอาคารรถโดยสารของระบบขนส่งชิคาโก รถบริการของโรงแรม และระบบขนส่งอื่นๆ

อาคารผู้โดยสาร 5 (อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ)

อาคารผู้โดยสาร 5 จะให้บริการสำหรับเที่ยวระหว่างประเทศทุกเที่ยวบิน ยกเว้นเที่ยวบินที่มาจากท่าอากาศยานที่มีศูนย์ตรวจเชคล่วงหน้าของศุลกากรสหรัฐอเมริกา (US border preclearance)

อาคารเทียบเครื่องบิน เอ็ม

สายการบินขนส่งสินค้า

สิ่งอำนวยความสะดวก

ทางวิ่ง

แผนผังท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์

มีทางวิ่งทั้งหมด 6 เส้น วางตัวขนานกันอยู่ 3 คู่ ใน 3 ทิศทาง ทางวิ่งที่ยาวที่สุด คือ ทางวิ่ง 14R/32L ขนาด 3,962 x 60 เมตร (13,000 x 200 ฟุต) ทางวิ่ง 14L, 14R, 27L และ 27R ใช้ระบบลงจอด (Instrument Landing System) ระดับที่ 3 ส่วนทางวิ่งที่เหลือยกเว้นทางวิ่ง 04L ใช้เต็มระบบ

ทางวิ่งของโอแฮร์มีจุดตัดของทางวิ่งจำนวนมาก และสามารถก่อให้เกิดปัญหาได้จากภาวะที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย หรือการจราจรที่คับคั่ง หรือกระแสลม ดังนั้นเจ้าหน้าหอบังคับการบินจึงต้องรอจนกว่าทางวิ่งจะว่างโดยตลอด ถึงจะอนุญาตให้ทางวิ่งอีกเส้นที่ตัดกันใช้งานได้ และหากเจ้าหน้าที่หอบังคับการบินทำงานผิดพลาด ก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และในช่วงหลายปีหลังมาอุบัติเหตุที่เครื่องบินเกือบจะเฉี่ยวหรือชน หรือต้องหักหลบจนเครื่องไถลออกนอกทางวิ่งอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นแผนปรับปรุงที่ผ่านการอนุมัติไปแล้ว ก็จะช่วยแก้ปัญหากรณีนี้ไปได้อย่างมาก

ทางวิ่ง 3 ใน 4 เส้นเริ่มแรกตั้งแต่ปีพ.ศ. 2486 ได้มีการปรับเปลี่ยนให้ตรงตามมาตรฐานปัจจุบัน แล้วก็ได้มีการสร้างทางวิ่งเพิ่มขึ้นในปีพ.ศ. 2498, 2512 และ 2514 จนกระทั่งปีพ.ศ. 2546 ทางวิ่งเท่า 18/36 ได้ยกเลิกการใช้งานเป็นการถาวร ปัจุบันเป็นทางขับ GG แทน

แผนปรับปรุงท่าอากาศยาน จะรือถอนทางวิ่งที่วางตัวตามทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ และสร้างทางวิ่งที่วางตัวตามทิศตะวันออก-ตะวันตก เพิ่มขึ้นอีก 4 เส้น พร้อมทั้งขยายทางวิ่งเดิมทีวางตัวตามทิศตะวันออก-ตะวันตก 2 เส้น ส่วนทางวิ่งที่วางตัวตามทิศตะวันตกเฉียงใต้-ตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงใช้งานตามเดิม

ในบางครั้งทางวิ่ง 32L จะใช้ในช่วงที่สั้นลงจากความยาวจริงสำหรับนำเครื่องขึ้น โดยเครื่องบินจะขับเครื่องเข้าสู่ทางวิ่งจากทางขับ T10 (กรณีปกติ) หรือจากทางขับ M (กรณีอื่น) การใช้รูปแบบนี้ทำให้ทางวิ่งไม่ได้ใช้งานเต็มประสิทธิภาพ แต่ก็ทำให้ทางวิ่ง 09R/27L สามารถใช้งานไปได้พร้อมกัน

เนื่องจากมาตรการควบคุมเสียง โอแฮร์จึงได้รับอนุญาตให้ใช้ได้เพียงทางวิ่งเดียวระหว่างเวลา 24.00 - 06.00

ทางวิ่งใหม่ตามแผนปรับปรุงท่าอากาศยานได้เตรียมให้สามารถรองรับเครื่องเอ 380 ได้ โดยก่อสร้างให้แข็งแรงขึ้นและกว้างขึ้นเพื่อรองรับเครื่องบนขนาดใหญ่ได้

การเดินทาง

  • รถยนต์ใช้เส้นทางหลวง I-190 ซึ่งแยกออกมาจาก I-90 (the Kennedy Expressway) ซึ่งมุ่งสู่ตัวเมองชิคาโก นอกจากนี้รถยนต์ส่วนบุคคลสามารถเข้าทางถนนแมนเฮม (Mannheim) ด้านตะวันออกของท่าอากาศยาน ส่วนคลังจะเข้าทางด้านทิศใต้
  • รถไฟของ ระบบรถไฟชิคาโก (Chicago Transir Authority) เส้นสีน้ำเงิน เชื่อมต่อกับระบบรถไฟใต้ดิน
  • ระบบรถไฟของท่าอากาศยาน VAL เชื่อมต่อระหว่างอาคารผู้โดยสาร 1, 2, 3 และ 5 กับอาคารจอดรถระยะยาว ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีเที่ยวรถทุก 3-6 นาที

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ

กลุ่มอาคารคลังสินค้าอยูาทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2527 แทนอาคารคลังสินค้าเดิมที่อยู่ตรงที่อาคารผู้โดยสาร 5 ในปัจจุบัน โรงผลิตเครื่องบินดักลาสเดิมที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ถูกผนวกเข้ากับกองบินรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (Air National Guard) และกองบินสำรอง (Air Force Reserve) แต่ก็ได้ปิดตัวลงไปเมื่อปีพ.ศ. 2541 และขณะอยู่ระหว่างการก่อสร้างเป็นอาคารคลังสินค้า และอาคารผู้โดยสารเที่ยวบินเช่าเหมาลำ บริเวณที่จอดเครื่องบินประกอบด้วยโรงจอดหลายหลังและมีขนาดจุเครื่องบินโบอิง 747ได้

แหล่งข้อมูลอื่น