ไมน์คราฟต์
ไมน์คราฟต์ (อังกฤษ: Minecraft) เป็นวิดีโอเกมแซนด์บ็อกซ์ที่พัฒนาโดยบริษัทพัฒนาเกมสวีเดน โมแจงสตูดิโอส์ (Mojang Studios) เกมไมน์คราฟต์สร้างขึ้นโดยนักออกแบบเกมชาวสวีเดน มาร์กุส แพช็อน (Markus Persson) หรือ น็อตช์ (Notch) ด้วยภาษาโปรแกรมจาวา ในช่วงแรกเริ่มมีการปล่อยเออร์ลีแอ็กเซส (early access) สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2552 และปล่อยเกมตัวเต็มในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ด้วยการที่เย็นส์ แบร์เยนสเตน (Jens Bergensten) เข้ามาพัฒนาเกมต่อจากแพร์ช็อนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไมน์คราฟต์สามารถเล่นผ่านได้ในหลากหลายแพลตฟอร์มและเป็นเกมที่ขายดีที่สุดตลอดกาลด้วยยอดขายที่มากกว่า 238 ล้านชุด และมีผู้เล่นที่มีความเคลื่อนไหวต่อเดือนเกือบ 140 ล้านคน ในช่วงปี พ.ศ. 2564
ไมน์คราฟต์ Minecraft | |
---|---|
โลโก้ของไมน์คราฟต์ | |
ผู้พัฒนา | โมแจงสตูดิโอส์[a] |
ผู้จัดจำหน่าย | |
ออกแบบ | |
ศิลปิน |
|
แต่งเพลง | ซีโฟร์เอทีน[g] |
ชุด | ไมน์คราฟต์ |
เครื่องเล่น | |
วางจำหน่าย | 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554[h]
|
แนว | แซนด์บ็อกซ์, เอาชีวิตรอด |
รูปแบบ | ผู้เล่นคนเดียว, ผู้เล่นหลายคน |
ในไมน์คราฟต์ผู้เล่นมีอิสระในการสำรวจโลก 3 มิติที่สร้างขึ้นอย่างเป็นกระบวนการในลักษณะบล็อกเหลี่ยม ๆ ด้วยภูมิประเทศที่แทบไม่มีที่สิ้นสุด ค้นพบและเก็บเกี่ยววัตถุดิบต่าง ๆ คราฟต์อุปกรณ์และไอเทม และสร้างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโหมดเกมที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถต่อสู้กับม็อบที่ถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ตลอดจนร่วมมือหรือแข่งขันกับผู้เล่นอื่นในโลกเดียวกัน โหมดเกมในที่นี้ประกอบด้วยโหมดเอาชีวิตรอดซึ่งเป็นโหมดที่ผู้เล่นต้องเก็บเกี่ยวทรัพยากรเพื่อสร้างสิ่งต่าง ๆ และดูแลรักษาความเป็นอยู่ด้วย และอีกส่วนคือโหมดสร้างสรรค์ซึ่งมีทรัพยากรอย่างไม่จำกัดให้แก่ผู้เล่นและยังสามารถเข้าถึงการบินได้ นอกจากนี้ผู้เล่นสามารถดัดแปรเกมเพื่อสร้างระบบเกม ไอเทม และสินทรัพย์ใหม่ ๆ ได้เช่นกัน
ไมน์คราฟต์ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั้งชนะรางวัลหลายรายการและเป็นหนึ่งในวิดีโอเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล ซึ่งสื่อสังคม การล้อเลียน การดัดแปลง สินค้า งานประชุมประจำปีอย่างไมน์คอน (MineCon) ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกมโด่งดังเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ไมน์คราฟต์ยังถูกนำไปใช้เพื่อการศึกษาในการสอนเคมี การออกแบบใช้คอมพิวเตอร์ช่วย และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2557 ไมโครซอฟท์เข้าซื้อบริษัทโมแจงและทรัพย์สินทางปัญญาของไมน์คราฟต์ด้วยเงินจำนวน 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไมน์คราฟต์ยังมีเกมสปินออฟหลายเกม เช่น ไมน์คราฟต์: สตอรีโหมด, ไมน์คราฟต์ดันเจียนส์ และไมน์คราฟต์เอิร์ท
ระบบเกม
ไมน์คราฟต์ เป็นเกมแซนด์บ็อกซ์สามมิติที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย คือผู้เล่นมีอิสระในการเลือกว่าจะเล่นเกมอย่างไร[18] อย่างไรก็ตามก็มีระบบอะชีฟเมนต์ (Achievement)[19] เกมการเล่นโดยค่าเริ่มต้นจะเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง แต่ผู้เล่นก็สามารถปรับเป็นมุมมองบุคคลที่สามได้[20] เกมการเล่นหลัก ๆ ของเกมนี้จะเกี่ยวกับการทำลายและวางบล็อก โดยโลกของเกมนี้ประกอบไปด้วยวัตถุที่เป็น 3 มิติ (โดยส่วนใหญ่จะเป็นลูกบาศก์) จัดเรียงในรูปแบบของตารางและบล็อกเหล่านั้นจะแทนเป็นวัสดุต่าง ๆ เช่น ดิน หิน แร่ต่าง ๆ น้ำ ลาวา ลำต้นของต้นไม้ เป็นต้น ในขณะที่ผู้เล่นสามารถเดินทางได้อย่างอิสระรอบ ๆ โลก แต่วัตถุต่าง ๆ จะสามารถถูกวางไว้ในรูปแบบของตารางที่กำหนดไว้เท่านั้น ผู้เล่นสามารถเก็บวัตถุเหล่านี้และวางมันในที่ที่ผู้เล่นต้องการได้[21]
ณ จุดเริ่มต้นของเกมผู้เล่นจะถูกสุ่มเกิดบนพื้นผิวโลก ซึ่งโลกนั้นไม่มีที่สิ้นสุด (ความจริงแล้วมีจุดสิ้นสุด แต่ไกลมาก)[22] โลกจะถูกแบ่งเป็นเขตไบโอมตั้งแต่ทะเลทรายไปจนถึงป่าและทุ่งหิมะ[23][24] ผู้เล่นสามารถเดินทางข้ามภูมิประเทศต่าง ๆ ได้ ซึ่งประกอบไปด้วยที่ราบ ภูเขา ป่า ถ้ำ และแหล่งน้ำต่าง ๆ[22] ระบบเวลาในเกมนี้จะประกอบไปด้วยรอบกลางวันและกลางคืน 1 รอบ (กลางวันและกลางคืน) จะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในชีวิตจริง ตลอดในเส้นทางของเกมผู้เล่นจะได้พบตัวละครที่ผู้เล่นไม่ได้ควบคุม (Non-player character หรือ NPC) ซึ่งเรียกว่า ม็อบ ประกอบไปด้วยสัตว์ ชาวบ้าน (Villager) และสิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นมิตร[25] สัตว์ที่เป็นมิตร เช่น วัว หมู และไก่ สามารถฆ่าเพื่อนำมาเป็นอาหารหรือส่วนผสมสำหรับการคราฟต์ได้ ซึ่งพวกมันจะเกิด (Spawn) ในเวลากลางวัน ในตรงกันข้ามม็อบที่ไม่เป็นมิตร เช่น แมงมุม โครงกระดูก และซอมบี จะเกิดในตอนกลางคืนหรือที่มืด เช่น ถ้ำ[22] สิ่งมีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ในไมน์คราฟต์บางตัวได้รับการตั้งข้อสังเกตโดยนักวิจารณ์ เช่น ครีปเปอร์ (Creeper) สิ่งมีชีวิตที่ระเบิดได้ ซึ่งมันจะย่องมาหาผู้เล่น เอนเดอร์แมน (Enderman) สิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถในการเทเลพอร์ต (Teleport) และหยิบบล็อก[26]
โลกของเกมนี้จะถูกสร้างเพิ่มขึ้นขณะที่ผู้เล่นสำรวจมัน[27][28] ถึงแม้ว่ามันจะมีการจำกัดในแกนตั้ง แต่ถ้าดูตามแกนนอนแล้วพื้นจะมีไม่มีจำกัด แต่มันจะมีปัญหาทางเทคนิคเมื่อเราไปในสถานที่ที่ไกลมาก ๆ[27] เกมนี้จะแบ่งข้อมูลโลกเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่เรียกว่า "ชังก์" (Chunk) ซึ่งข้อมูลนี้จะถูกสร้างหรือโหลดในหน่วยความจำก็ต่อเมื่อผู้เล่นอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้นเท่านั้น[27]
ระบบฟิสิกส์ของเกมนี้มักถูกวิจารณ์ว่าไม่มีความสมจริง[29] คือ บล็อกส่วนใหญ่ไม่มีผลกระทบจากแรงดึงดูด ของเหลวไหลจากบล็อกที่เป็นจุดกำเนิด ซึ่งสามารถนำมันออกโดยการวางบล็อกตรงบล็อกที่เป็นจุดกำเนิดหรือใช้ถังตักมัน ระบบที่ซับซ้อนสามารถถูกสร้างได้จากอุปกรณ์เครื่องจักรกลพื้นฐาน วงจรไฟฟ้า และลอจิกเกตในเกมที่เรียกกว่า เรดสโตน (Redstone)[30]
ไมน์คราฟต์ มีอีก 2 มิติที่นอกเหนือจากโลกหลักนั้นคือ เนเธอร์ (Nether) หรือนรก และดิเอนด์ (The End)[26] เนเธอร์เป็นมิติที่เหมือนนรก ซึ่งผู้เล่นสามารถไปมิตินี้ได้โดยผ่านทางพอร์ทัล (Portal) ที่ผู้เล่นที่สร้างขึ้น ในนั้นจะมีทรัพยากรที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย และมิตินี้ยังสามารถใช้ในการเดินทางระยะไกล ๆ ในโลกปกติได้ (ใช้ย่นระยะทางได้)[31] ดิเอนเป็นดินแดนที่แห้งแล้งซึ่งมีบอสมังกรที่เรียกว่า มังกรแห่งเอนเดอร์ (Ender Dragon) อยู่[32] การฆ่ามังกรนั้นจะนำไปสู่เครดิตตอนจบเกม ซึ่งเขียนโดยนักเขียนชาวไอริช จูเลียน กอฟ (Julian Gough)[33] ต่อจากนั้นผู้เล่นก็จะสามารถกลับไปยังจุดเกิด (Spawn Point) ดั้งเดิมที่โลกปกติได้และจะบรรลุ "The End" นอกจากนี้ยังมีบอสตัวที่สองที่เรียกว่า "วิเธอร์" (Wither) ซึ่งเมื่อฆ่ามันได้แล้วมันจะปล่อยทิ้งวัสดุที่จำเป็นสำหรับสร้างดวงประทีป (Beacon) ซึ่งมันสามารถเสริมความสามารถของผู้เล่นได้เมื่ออยู่ใกล้ ๆ มัน
เกมนี้ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วย 4 โหมด : เอาชีวิตรอด สร้างสรรค์ ผจญภัย และผู้ชม และมันก็ยังสามารถเปลี่ยนระดับความยาก (Difficulty) ได้ 4 ระดับ; ความยากระดับง่ายที่สุด (ปลอดภัย (Peaceful)) จะป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นมิตรเกิดได้[34]
โหมดเอาชีวิตรอด
โหมดนี้ผู้เล่นจะต้องเก็บรวบรวมทรัพยากรธรรมชาติ (เช่น ไม้ หิน) ที่พบตามสิ่งแวดล้อมเพื่อที่จะนำมาคราฟต์เป็นบล็อกหรือสิ่งของบางชนิด[22] ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยาก คือมอนสเตอร์จะเกิดในที่มืดที่ห่าง ๆ จากผู้เล่น ฉะนั้นแล้วผู้เล่นควรที่จะสร้างที่พักในช่วงเวลากลางคืน[22] ในโหมดนี้จะมีหลอดเลือดด้วย ซึ่งหลอดนี้จะลดลงก็ต่อเมื่อถูกโจมตีจากมอนสเตอร์ ตกจากที่สูง จมน้ำ ตกลงไปในลาวา หายใจไม่ออก ความหิว และกิจกรรมอื่น ๆ ผู้เล่นก็จะมีหลอดความหิวด้วยเช่นกัน ซึ่งจะสามารถเติมหลอดนี้ได้ด้วยการกินอาหารในเกม ยกเว้นในโหมดความยาก "ปลอดภัย" (Peaceful) หลอดอาหารในความยากนี้จะไม่ลดลงเลย ถ้าหลอดอาหารไม่เต็มการเพิ่มเลือดจะถูกหยุดโดยอัตโนมัติและในที่สุดเลือดก็จะลดลงนั้นเอง เลือดจะเพิ่มได้ก็ต่อเมื่อหลอดอาอาหารเต็ม แต่ในโหมดความยาก "ปลอดภัย" เลือดจะเพิ่มขึ้นทันทีไม่ว่าหลอดอาหารจะเต็มหรือไม่
มีของมากมายในผู้เล่นสามารถคราฟต์ได้ใน ไมน์คราฟต์[35] ผู้เล่นสามารถคราฟต์ชุดเกราะเพื่อนำมาบรรเทาความเสียหายจากการถูกโจมตีได้ ในขณะที่อาวุธ เช่น ดาบ สามารถถูกนำมาคราฟต์เพื่อทำให้ฆ่าศัตรูและสัตว์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ผู้เล่นก็สามารถนำทรัพยากรมาคราฟต์เป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เช่นกัน เช่น ขวาน พลั่ว หรือที่ขุด เพื่อที่จะนำมาตัดต้นไม้ ขุดดิน และขุดแร่ตามลำดับ; อุปกรณ์ที่ทำจากเหล็กจะสามารถทำให้ใช้งานได้เร็วกว่าอุปกรณ์ที่ทำจากหินหรือไม้ และมันก็สามารถใช้ได้นานขึ้นด้วย ผู้เล่นก็สามารถแลกของกับชาวบ้าน (Villager) ได้เช่นกันด้วยระบบค้าขายที่เกี่ยวข้องกับมรกต เพื่อที่จะแลกของต่าง ๆ[36] ส่วนใหญ่ชาวบ้านมักจะแลกของโดยใช้มรกต ข้าว หรือวัสดุอื่น ๆ[25][36]
เกมนี้มีระบบช่องเก็บของ (Inventory) และผู้เล่นสามารถใส่ของได้ในจำนวนที่จำกัด เมื่อผู้เล่นตายของในตัวผู้เล่นจะถูกปล่อยทิ้งและผู้เล่นจะไปเกิดใหม่ ณ จุดเกิดปัจจุบัน ซึ่งจุดเกิดค่าเริ่มต้นคือตรงที่ผู้เล่นเกิดครั้งแรก แต่ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนจุดเกิดได้โดยการนอนที่เตียง[37] ของที่ตกอยู่ที่พื้นสามารถได้คืนได้ถ้าผู้เล่นไปเก็บก่อนที่มันจะหายไป (Despawn) ผู้เล่นสามารถได้ค่าประสบการณ์ จากการฆ่าม็อบและผู้เล่นคนอื่น ๆ, การขุดแร่, การหลอมแร่, การผสมพันธุ์สัตว์ และการทำอาหาร ค่าประสบการณ์จะถูกใช้เมื่อทำการร่ายมนตร์ (Enchant) อุปกรณ์ ขุดเกราะ และอาวุธ[34] โดยทั่วไปแล้วของที่เอ็นชานต์แล้วจะทำให้ของนั้นมีพลังมากขึ้น ใช้ได้นานขึ้น หรือมีการใช้งานที่พิเศษ[34]
โหมดฮาร์ดคอร์
ในโหมดนี้การเล่นจะเหมือนกับโหมดเอาชีวิตรอดแต่เป็นโหมดที่ยากที่สุด เพราะตัวเกมจะถูกล็อกไว้ที่ระดับความยาก "ฮาร์ด" และถ้าหากผู้เล่นตายแล้วจะไม่สามารถเกิดใหม่ได้ (ตายอย่างถาวร) ซึ่งผู้เล่นจะสามารถเลือกได้ว่าจะกลับไปหน้าเมนูหลัก (โลกของผู้เล่นจะโดนลบทันที) หรือ เลือกสำรวจโลก โดยตัวเกมจะตั้งให้ผู้เล่นอยู่ในโหมดผู้ชม และทำการสำรวจโลกได้[38][39] ถ้าผู้เล่นตายในเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นโหมดฮาร์ดคอร์ ผู้เล่นจะถูกแบน (Ban) จากเซิร์ฟเวอร์นั้นทันที
โหมดสร้างสรรค์
ในโหมดสร้างสรรค์ผู้เล่นจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรและของทุกอย่างในเกมผ่านช่องเก็บของ และผู้เล่นสามารถหยิบของแล้วนำออกมาวางได้ทันที[40] ผู้เล่นจะสามารถบินได้อย่างอิสระรอบ ๆ โลก และจะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ความเสียหายจากม็อบ และความหิว[41][42] โหมดนี้จะช่วยให้ผู้เล่นมุ่งเน้นไปที่การสร้างสิ่งก่อสร้างและสร้างโปรเจกต์ที่ใหญ่ ๆ ได้นั้นเอง[40]
โหมดผจญภัย
โหมดผจญภัยได้ถูกเพิ่มเข้ามาใน ไมน์คราฟต์ เวอร์ชัน 1.3; มันได้รับการออกแบบมาเฉพาะที่จะให้ผู้เล่นได้เล่นและผจญภัยไปในแมปของผู้เล่นคนอื่น[43][44][45] เกมการเล่นจะคล้ายกับโหมดเอาชีวิตรอด แต่ผู้เล่นจะมีข้อจำกัด ซึ่งข้อจำกัดนี้ก็แล้วแต่ผู้สร้างแมปจะกำหนดขึ้น ทั้งนี้เพื่อที่จะให้ผู้เล่นได้รับของที่จำเป็นและประสบการณ์ในการผจญภัยในทางที่ผู้สร้างแมปได้ตั้งใจไว้[45] นอกจากนี้ในการออกแบบแมปจะมีการใช้บล็อกคำสั่ง (Command Block); บล็อกนี้จะทำให้ผู้สร้างแมปได้เพิ่มปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นผ่านทางคำสั่งต่าง ๆ ของบล็อกนี้[46]
โหมดผู้ชม
โหมดผู้ชมจะทำให้ผู้เล่นสามารถบินไปได้รอบ ๆ ทะลุบล็อก และดูผู้เล่นคนอื่นเล่นโดยที่ไม่มีผลกระทบต่อกัน โหมดนี้ตรงรายการฮอตบาร์ (Hotbar) จะสามารถทำให้ผู้เล่นเทเลพอร์ต (Teleport) ไปหาผู้เล่นคนอื่นได้ และสามารถมองในมุมมองของผู้เล่นคนอื่นหรือสิ่งมีชีวิตอื่นได้ บางทีมุมมองของสิ่งมีชีวิตอื่นอาจจะแตกต่างกับมุมมองของผู้เล่นก็ได้[47]
โหมดเล่นหลายคน (Multiplayer)
โหมดเล่นหลายคนใน ไมน์คราฟต์ จะใช้ได้โดยผ่านผู้เล่นโฮสต์ (Host) และธุรกิจโฮสต์เซิร์ฟเวอร์ และช่วยให้ผู้เล่นมีปฏิสัมพันธ์และสื่อสารซึ่งกันและกันในโลกเดียวกัน[48] ผู้เล่นสามารถเปิดเซิร์ฟเวอร์เป็นของตัวเองได้หรือใช้บริการผู้ให้บริการโฮสติง โลกผู้เล่นคนเดี่ยวจะมีข่ายงานบริเวณเฉพาะที่สนับสนุนอยู่ ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้เล่นเข้าร่วมโลกบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันได้โดยที่ไม่ต้องตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์แต่อย่างใด[49] ไมน์คราฟต์ เซิร์ฟเวอร์หลายผู้เล่นจะถูกควบคุมโดยเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ คนที่สามารถเข้าถึงคำสั่งของเซิร์ฟเวอร์ได้ เช่น การตั้งค่าเวลาและการเทเลพอร์ตผู้เล่น เจ้าของเซิร์ฟเวอร์ก็สามารถตั้งไม่ให้ผู้เล่นชื่อนี้หรือเลขที่อยู่ไอพีนี้ไม่ให้สามารถเข้าเซิร์ฟเวอร์ได้ด้วยเช่นกัน[48] เซิร์ฟเวอร์หลายผู้เล่นจะนำเสนอกิจกรรมที่หลากหลายด้วยบางเซิร์ฟเวอร์ที่มีกฎที่เป็นเอกลักษณ์และกฎที่กำหนดเอง ผู้เล่นต่อสู้กับผู้เล่น ก็สามารถที่จะเปิดได้เพื่อที่จะให้ผู้เล่นได้ต่อสู้กัน[50] หลาย ๆ เซิร์ฟเวอร์ในปัจจุบันนี้ได้มีปลั๊กอินที่สามารถทำให้ผู้เล่นและเซิร์ฟเวอร์ทำสิ่งต่าง ๆ ที่แตกต่างไปจากปกติ ในปี ค.ศ. 2003 โมแยงได้ประกาศตัวไมน์คราฟต์เรียมส์ (Minecraft Realms) บริการเปิดเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถทำให้ผู้เล่นดำเนินงานเซิร์ฟเวอร์หลายผู้เล่นได้ง่ายและปลอยภัยโดยที่จะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์เลย[51] เร็ลมส์นั้นแตกต่างจากเซิร์ฟเวอร์ทั่ว ๆ ไปนั้นคือ การที่เราสามารถเชิญผู้เล่นให้เข้ามาเล่นในเซิร์ฟเวอร์ของเราได้เลย โดยที่เขาไม่ต้องใช้ไอพีของเซิร์ฟเวอร์เลย เจ้าของเซิร์ฟเวอร์เร็ลมส์สามารถเชิญผู้เล่นได้ถึง 20 คนในการเข้าร่วมเล่นในเซิร์ฟเวอร์; อย่างไรก็ตามเซิร์ฟเวอร์สามารถรองรับผู้เล่นออนไลน์ได้แค่ 10 คนเท่านั้นและไม่รองรับปลั๊กอินที่ผู้เล่นทำ ที่ประกาศในงานอิเล็กทรอนิกส์เอ็นเตอร์เทนเมนต์เอ็กซ์โป 2016 เร็ลมส์จะสามารถทำให้ ไมน์คราฟต์ รองรับการเล่นแบบข้ามแพลตฟอร์มระหว่างรุ่นวินโดวส์ 10, ไอโอเอส และแอนดรอยด์ได้ โดยได้เริ่มตอนเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2016 ต่อมาได้รองรับกับเอกซ์บอกซ์วันและในที่สุดก็สามารถรองรับกับอุปกรณ์ความเป็นจริงเสมือน (virtual reality) ได้[52]
พัฒนาการ
2009 | Pre-Classic |
---|---|
Classic | |
Survival Test | |
2010 | Indev |
Infdev | |
Alpha | |
Beta | |
2011 | Beta |
1.0: "Adventure Update" | |
2012 | 1.1 |
1.2 | |
1.3 | |
1.4: "Pretty Scary Update" | |
2013 | 1.5: "Redstone Update" |
1.6: "Horse Update" | |
1.7: "The Update that Changed the World" | |
2014 | 1.8: "Bountiful Update" |
2015 | |
2016 | 1.9: "Combat Update" |
1.10: "Frostburn Update" | |
1.11: "Exploration Update" | |
2017 | 1.12: "World of Color Update" |
2018 | 1.13: "Update Aquatic" |
2019 | 1.14: "Village & Pillage" |
1.15: "Buzzy Bees" | |
2020 | 1.16: "Nether Update" |
2021 | 1.17: "Caves & Cliffs: Part I" |
1.18: "Caves & Cliffs: Part II" | |
2022 | 1.19: "The Wild Update" |
2023 | 1.20: "The Trails & Tales Update" |
2024 | 1.21: "Tricky Trials Update" |
มาร์คุส แพร์สชอน เริ่มพัฒนาเกมนี้เหมือนโครงงานโครงงานหนึ่ง[53] เขาได้แรงบันดาลใจที่จะสร้าง ไมน์คราฟต์ จากหลาย ๆ เกม เช่น วาร์ฟฟอร์เทรส, ดันเจียนคีปเปอร์ และ อินฟินิไมเนอร์ ในเวลานั้นเขามองเห็นว่าสิ่งก่อสร้าง 3 มิตินั้นเป็นแรงบันดาลใจของเขาและผสมผสานกันระหว่างความคิดต้นแบบของเขา[53] อินฟินิไมเนอร์ มีอิทธิพลอย่างมากกับรูปแบบเกมการเล่น รวมไปถึงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง รูปแบบของภาพ และบล็อกพื้นฐานของเกมนี้ อย่างไรก็ตามก็ไม่เหมือนกับ อินฟินิไมเนอร์ แพร์สชอนอยากให้ ไมน์คราฟต์ มีองค์ประกอบของเกมเล่นตามบทบาท (Role-playing game หรือ RPG)[54]
ไมน์คราฟต์ เปิดตัวแก่สาธารณชนครั้งแรกเมื่อ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 โดยได้เปิดตัวที่ทีไอจีซอร์สฟอรัมส์ (TIGSource forums)[55] ต่อมาได้เป็นที่รู้จักกันในนามรุ่น คลาสสิก (Classic) และต่อมารุ่นเซอร์ไวเวิลเทสต์ (Survival Test), อินเดฟ (Indev) และอินฟ์เดฟ (Infdev) ก็จะได้ถูกปล่อยออกมาในช่วงระหว่างเดือนกันยายน ค.ศ. 2009 กับเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 ถึงแม้ว่าตอนแรกแพร์สชอนจะทำงานกับแจลบัมดอตเน็ต (Jalbum.net) ต่อมาเขาก็ได้ลาออกเพื่อที่จะมาทำงานเกี่ยวกับ ไมน์คราฟต์ อย่างเต็มเวลาในช่วงเวลาที่ยอดขายของรุ่นแอลฟา (Alpha) ได้เพิ่มขึ้น[56] แพร์สชอนได้ดำเนินอัปเดตเกมแล้วปล่อยให้กับผู้เล่นโดยอัตโนมัติ ซึ่งอัปเดตประกอบไปด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น ของใหม่ บล็อกใหม่ ม็อบใหม่ โหมดเอาชีวิตรอด การเปลี่ยนรูปแบบบางอย่างของเกม (เช่น การไหลของน้ำ)[56]
กลับมาที่พัฒนาการของ ไมน์คราฟต์ แพร์สชอนได้ก่อตั้งบริษัทวิดีโอเกมนั่นคือบริษัทโมแยง ด้วยเงินที่เขาได้รับจากเกม[57][58][59] ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 2010 แพร์สชอนได้ประกาศว่า ไมน์คราฟต์ จะเข้าสู่ช่วงการทดสอบบีตา (Beta) ของมันในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2010[60] เขายังได้ระบุว่าผู้เล่นที่ซื้อเกมหลังวันดังกล่าวจะไม่ได้รับประกันว่าจะได้รับเนื้อหาทั้งหมดในอนาคตโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในขณะที่มัน "กลัวทั้งทนายความและคณะกรรมการ" อย่างไรก็ตามการแก้ไขข้อบกพร่องหรือบั๊ก และอัปเดตทั้งหมด รวมไปถึงการวางจำหน่ายก็ยังฟรีอยู่ ในช่วงของการพัฒนาโมแยงได้จ้างพนักงานใหม่จำนวนมากเพื่อที่จะทำงานในโครงงานนี้[61]
โมแยงได้ย้ายเกมจากรุ่นบีตาและวางจำหน่ายรุ่นเต็มในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011[62] เกมก็จะได้อัปเดตต่อไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ได้มีการวางจำหน่าย การเปลี่ยนแปลงมีไปตั้งแต่รูปแบบเกมจนไปถึงระบบเซิร์ฟเวอร์[63] ในวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2011 เย็นส์ แบร์เยนสเตน (เจ๊บ) (Jens "Jeb" Bergensten)[64] ได้ควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์ของ ไมน์คราฟต์ อย่างเต็มรูปแบบ โดยให้แพร์สชอนไปเป็นผู้นำในการพัฒนาแทน[65] ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 โมแยงได้ประกาศว่าพวกเขาได้จ้างนักพัฒนาของ "คราฟต์บักกิต" (CraftBukkit)[50] แพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์ชื่อดัง มาเพื่อที่จะมาปรับปรุงให้ ไมน์คราฟต์ รองรับกับเซิร์ฟเวอร์ม็อด[66] การเข้าซื้อครั้งในนี้ยังช่วยให้โมแยงเป็นเจ้าของม็อดคราฟต์บักกิตอย่างเต็มรูปแบบ[67] ถึงแม้ว่าความถูกต้องของการเรียกร้องนี้ได้ถูกถามเนื่องจากสถานะของการเป็นโครงการโอเพนซอร์ซกับผู้สนับสนุนอีกมากมาย ได้รับอนุญาตภายใต้สัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไปของกนู และสัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไปแบบผ่อนปรนของกนู[68] ในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2014 ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศข้อตกลงเงินจำนวน 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะซื้อบริษัทโมแยงและเจ้าของลิขสิทธิ์ ไมน์คราฟต์ ข้อตกลงนี้ได้ถูกเสนอแนะโดยแพร์สชอนเมื่อเขาได้ทวีตถามบริษัทที่จะซื้อหุ้นเกมของเขา หลังได้รับคำวิจารณ์ว่า "พยายามที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง" ทั้งหมดได้เสร็จสิ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014 และทำให้แพร์สชอนนั้นไปสู่การเป็นหนึ่งใน "มหาเศรษฐีของโลก" ในนิตยสารฟอบส์[69][70][71][72][73]
เกี่ยวกับเสียง
เพลงของ ไมน์คราฟต์ และเสียงประกอบถูกสร้างโดยนักออกแบบเสียงชาวเยอรมัน แดเนียล "ซีโฟว์เอททีน" โรเซนเฟลด์ (Daniel "C418" Rosenfeld)[74] ดนตรีประกอบฉากใน ไมน์คราฟต์ เป็นดนตรีแอมเบียนต์ที่ไม่ได้เป็นเพลง
เกมภาคเสริม
ไมน์คราฟต์: สตอรีโหมด
ไมน์คราฟต์: สตอรีโหมด (อังกฤษ: Minecraft: Story Mode) คือ เกมภาคเสริมที่เป็นฉาก ๆ ที่พัฒนาโดยเทลล์เทลเกมส์ (Telltale Games) ร่วมมือกับโมแยง ซึ่งถูกประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2014 ประกอบไปด้วย 5 ตอนและ 3 ตอนที่สามารถดาวน์โหลดได้เพิ่มเติม โดยเนื้อหาของเกมนี้จะเกี่ยวกับการเล่าเรื่องและให้ผู้เล่นเลือกตัวเลือก และมันได้ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดผ่านทางไมโครซอฟท์วินโดวส์, โอเอสเทน, ไอโอเอส, เพลย์สเตชัน 3, เพลย์สเตชัน 4, เอกซ์บอกซ์ 360 และเอกซ์บอกซ์วันในวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2015[75][76][77] แผ่นที่บรรจุตอนทั้งหมดได้ถูกปล่อยให้คอนโซล 4 รุ่นดังกล่าวในวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2015[77] รุ่นวียู[78] และนินเท็นโดสวิตช์ก็ได้ถูกก็ได้ถูกปล่อยออกมาต่อจากนั้นไม่นาน[79][80] ตัวอย่างแรกของเกมนี้ได้เปิดตัวที่งานไมน์คอน (MineCon) ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 ซึ่งเผยให้เห็นฟีเจอร์บางอย่างของเกม ในไมน์คราฟต์: สตอรีโหมดผู้เล่นจะควบคุมตัวละครที่ชื่อ เจสซี (Jesse) (ให้เสียงโดย แพตตัน ออสวอลต์ และแคทเธอรีน เทเบอร์)[77] ผู้ซึ่งออกเดินทางกับเพื่อนของเขาเพื่อไปตามหาดิออร์เดอร์ออฟเดอะสโตน (The Order of the Stone) (เขาคือนักผจญภัยทั้ง 4 ที่สามารถฆ่ามังกรแห่งเอนเดอร์ (Ender Dragon) ได้) ให้กลับมารวมตัวกันเพื่อที่จะมาช่วยโลก[81]
ไมน์คราฟต์: รุ่นสำหรับการศึกษา
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2016 ไมโครซอฟท์ได้ประกาศเครื่องมือใหม่ที่ใช้สำหรับการศึกษาที่เรียกว่า ไมน์คราฟต์: รุ่นสำหรับการศึกษา (อังกฤษ: Minecraft: Education Edition) หรือไมน์คราฟต์อีดียู (อังกฤษ: MinecraftEDU) ซึ่งมีแผนที่จะวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 2016 ไมน์คราฟต์ ได้ถูกใช้ในห้องเรียนทั่วโลกสำหรับสอนวิชาตั้งแต่แกนหลักของสะเต็มไปจนถึงศิลปะ ไมน์คราฟต์: รุ่นสำหรับการศึกษาจะถูกออกแบบเพื่อให้ใช้ในห้องเรียนโดยเฉพาะ รุ่นสำหรับการศึกษานี้จะให้อุปกรณ์แก่ครูผู้สอนที่พวกเขาต้องใช้ใน ไมน์คราฟต์ แบบพื้นฐานในชีวิตประจำ
มีข้อแตกต่างเล็กน้อยระหว่าง ไมน์คราฟต์ และไมน์คราฟต์อีดียู แต่มีแนวคิดหลักและโลกที่เปิดกว้างเหมือนกัน ตัวละครนักเรียนในไมน์คราฟต์อีดียูจะสามารถรักษาคุณสมบัติต่าง ๆ ได้ นักเรียนก็จะสามารถดาวน์โหลดเกมได้ที่บ้านได้ด้วยเช่นกันโดยไม่ต้องซื้อรุ่นของเกมมาเป็นของตัวเอง สุดท้ายสิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดคือ นักเรียนสามารถถ่ายภาพในเกมได้ ซึ่งภาพเหล่านั้นจะถูกเก็บในโน้ตบุ๊กออนไลน์ที่มีบันทึกออนไลน์ โดยที่โน้ตบุ๊กออนไลน์เหล่านั้นจะสามารถแชร์ไปให้นักเรียนคนอื่นได้[82]
เชิงอรรถ
- ↑ แพลตฟอร์มคอนโซลพัฒนาโดย 4เจ สตูดิโอ[1] แพลตฟอร์มนิว นินเท็นโด 3ดีเอส พัฒนาโดย อะเตอร์โอเชียนอินเตอร์แอ็กทีฟ (Other Ocean Interactive)[2]
- ↑ (พีซี/จาวา, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, วียู, นินเท็นโด 3ดีเอส, นินเท็นโดสวิตช์)
- ↑ (เอกซ์บอกซ์ 360, เอกซ์บอกซ์วัน, วินโดวส์โฟน, วินโดวส์ 10)
- ↑ (เพลย์สเตชัน 3, เพลย์สเตชัน 4, เพลย์สเตชัน วิตา)
- ↑ (2552–2554)
- ↑ (2554–ปัจจุบัน)
- ↑ ซามูล ออแบร์ก, เกเรท โคกเกอร์, รีนา เรน และคุมิ ทานิโอกะ มีส่วนร่วมด้วยตั้งแต่เกมตัวเต็ม
- ↑ ไมน์คราฟต์เปิดให้เล่นครั้งเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552[17] และปล่อยตัวเต็มออกมาวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
อ้างอิง
- ↑ Sarkar, Samit (6 November 2014). "Microsoft officially owns Minecraft and developer Mojang now". Polygon (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 19 March 2020.
- ↑ "Minecraft: New Nintendo 3DS Edition". www.nintendo.com. สืบค้นเมื่อ 3 February 2019.
- ↑ "Minecraft". GameSpot. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 21 October 2012.
- ↑ "Minecraft – Pocket Edition – Android". IGN. สืบค้นเมื่อ 21 October 2012.
- ↑ "Minecraft: Pocket Edition". GameSpot. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 21 October 2012.
- ↑ Brown, Mark (22 March 2012). "Minecraft for Xbox 360 release date announced, amongst others". Wired UK. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-12-18. สืบค้นเมื่อ 22 October 2012.
- ↑ "Minecraft Raspberry Pi". Mojang. สืบค้นเมื่อ 27 March 2013.
- ↑ "Amazon's first Fire TV games include in-house titles and Minecraft (update: video)". Engadget. สืบค้นเมื่อ 25 September 2018.
- ↑ Pitcher, Jenna. "Minecraft PS4 Edition Release Date Confirmed". IGN. IGN Entertainment, Inc. สืบค้นเมื่อ 3 October 2014.
- ↑ "Minecraft for Xbox One to launch on Friday". CNET. สืบค้นเมื่อ 13 October 2014.
- ↑ "Minecraft: PS Vita Edition Release Date Revealed for North America". IGN. สืบค้นเมื่อ 13 October 2014.
- ↑ "Minecraft Comes to Windows Phones". Mojang.
- ↑ "Announcing Minecraft Windows 10 Edition Beta".
- ↑ Makuch, Eddie (7 December 2015). "Minecraft Wii U Confirmed, Coming Very Soon". GameSpot. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 8 December 2015.
- ↑ Jones, Owen (19 December 2016). "minecraft.net – Apple TV Edition released!". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 December 2016. สืบค้นเมื่อ 30 December 2016.
- ↑ Pereira, Chris (13 September 2017). "New 3DS Version Of Minecraft Announced, Release Date Set For Today". GameSpot. สืบค้นเมื่อ 13 September 2017.
- ↑ Persson, Markus (17 May 2009). "Minecraft 0.0.11a for public consumption : The Word of Notch". Tumblr. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-07-16. สืบค้นเมื่อ 1 April 2018.
- ↑ Gallegos, Anthony. "Minecraft Review — PC Review at IGN". IGN. สืบค้นเมื่อ 18 December 2011.
- ↑ Meer, Alec (30 March 2011). "Minecraft:Wolves, Achievements, Mods, Merch". Rock, Paper, Shotgun. Rock, Paper, Shotgun, Ltd. สืบค้นเมื่อ 26 March 2015.
- ↑ Purchese, Robert (23 November 2011). "Minecraft 1.0 launch patch notes". Eurogamer. Eurogamer Network. สืบค้นเมื่อ 2 January 2013.
- ↑ Ashdown, Jeremy (11 November 2010). "This is Minecraft". IGN. สืบค้นเมื่อ 2 January 2013.
- ↑ 22.0 22.1 22.2 22.3 22.4 Miller-Watt, Josh. "Minecraft beginner's guide". GamesRadar. Future plc. สืบค้นเมื่อ 24 October 2012.
- ↑ Meer, Alec (27 October 2010). "BiomeShock: The New Minecraft Worlds". Rock, Paper, Shotgun. สืบค้นเมื่อ 2 January 2013.
- ↑ Phillips, Tom (20 January 2012). "Minecraft jungle biome, creatures coming soon". Eurogamer. Eurogamer Network. สืบค้นเมื่อ 2 January 2013.
- ↑ 25.0 25.1 Senior, Tom (24 May 2012). "Minecraft update snapshot includes trading, currency, new item and sandstone stairs". PC Gamer. Future plc. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-02-03. สืบค้นเมื่อ 2 January 2013.
- ↑ 26.0 26.1 Meer, Alec (18 November 2011). "Minecraft Review • Reviews •". Eurogamer. Eurogamer Network. สืบค้นเมื่อ 18 December 2011.
- ↑ 27.0 27.1 27.2 Persson, Markus (10 March 2011). "Terrain generation, Part 1". Mojang. สืบค้นเมื่อ 24 October 2010.
- ↑ Bergensten, Jens (23 February 2011). "A Short Demystification of the 'Map Seed'". Mojang. สืบค้นเมื่อ 6 October 2012.
- ↑ Walton, Mark (25 November 2012). "Minecraft In Education: How Video Games Are Teaching Kids". GameSpot. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 15 December 2012.
- ↑ Tito, Greg (4 October 2010). "Player Creates Working Computer in Minecraft". The Escapist. Alloy Digital. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-10-08. สืบค้นเมื่อ 4 January 2011.
- ↑ Francis, Tom (10 October 2010). "A clearer look at Minecraft's new hell dimension". PC Gamer. Future plc. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-01. สืบค้นเมื่อ 30 October 2012.
- ↑ Liebl, Matt. "Minecraft: The End, Ender Dragons, and Goop Portal All Explained". GameZone. GameZone Online. สืบค้นเมื่อ 31 October 2012.
- ↑ Chatfield, Tom (9 January 2012). "Ending an endless game: an interview with Julian Gough, author of Minecraft's epic finale". Boing Boing. สืบค้นเมื่อ 13 January 2012.
- ↑ 34.0 34.1 34.2 Boots-Faubert, Chris. ""Controls and Settings – Minecraft". Super Cheats. Videogamer Network. สืบค้นเมื่อ 3 January 2013.
- ↑ Marriott, Scott. "Minecraft Review". About.com. InterActiveCorp. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-19. สืบค้นเมื่อ 10 November 2012.
- ↑ 36.0 36.1 Brown, Mark (6 July 2012). "Gaming Minecraft update combines single and multiplayer, adds trading and tripwires". Wired UK. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-21. สืบค้นเมื่อ 21 November 2012.
- ↑ Walker, John (18 February 2011). "Minecraft Is Getting Ready For Bed". Rock, Paper, Shotgun. สืบค้นเมื่อ 2 January 2013.
- ↑ "Minecraft hardcore mode teased. When you die, the world dies with you". PC Gamer. Future plc. 23 September 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-04. สืบค้นเมื่อ 25 September 2012.
- ↑ https://minecraft.wiki/w/Hardcore
- ↑ 40.0 40.1 Steinlage, Tate (26 September 2012). "Creative Mode coming to Minecraft: Xbox 360 Edition". GameZone. GameZone Online. สืบค้นเมื่อ 1 December 2012.
- ↑ Haley, Sebastian (5 September 2012). "Creative Mode 'weeks away' for Minecraft: Xbox 360 Edition". VentureBeat. สืบค้นเมื่อ 1 December 2012.
- ↑ Evans-Thirlwell, Edwin (5 September 2012). "Minecraft Xbox 360 update: Creative Mode still "weeks away", 4J dresses Cliffy B up as Creeper". Official Xbox Magazine. Future plc. สืบค้นเมื่อ 1 December 2012.
- ↑ Savage, Phil. "The 25 best Minecraft custom maps". PC Gamer. Future plc. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-10-23. สืบค้นเมื่อ 28 October 2012.
- ↑ Grayson, Nathan (6 July 2012). "Minecraft 1.3 Adding LAN, Adventure Mode In August". Rock, Paper, Shotgun. สืบค้นเมื่อ 4 January 2013.
- ↑ 45.0 45.1 Walker, John (1 August 2012). "Minecraft Updates To 1.3 With Adventure Mode, Trading". Rock, Paper, Shotgun. สืบค้นเมื่อ 4 January 2013.
- ↑ Gallegos, Anthony. "Minecraft Adding New Block". IGN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-12-16. สืบค้นเมื่อ 28 October 2012.
- ↑ "Spectator". Minecraft Wiki. Weird Gloop.
- ↑ 48.0 48.1 Hutchinson, Lee (10 September 2012). "Blocks with friends: How to run your own Minecraft server". Ars Technica. pp. 1–4. สืบค้นเมื่อ 24 November 2012.
- ↑ Meer, Alec (18 June 2012). "Modern! Minecraft Adds 'Local Area Network' Support". Rock, Paper, Shotgun. สืบค้นเมื่อ 25 September 2012.
- ↑ 50.0 50.1 Davies, Marsh (24 November 2012). "The Future of Minecraft: what lies ahead for the all-conquering sandbox game?". PC Gamer. Future plc. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-24. สืบค้นเมื่อ 24 November 2012.
- ↑ "Minecraft Realms hopes to make an increasingly complex game more family-friendly". Polygon. สืบค้นเมื่อ 26 March 2013.
- ↑ Frank, Allegra (13 June 2016). "Minecraft gets cross-platform play later this year". Polygon. สืบค้นเมื่อ 13 June 2016.
- ↑ 53.0 53.1 Handy, Alex (23 March 2010). "Interview: Markus 'Notch' Persson Talks Making Minecraft". Gamasutra. สืบค้นเมื่อ 26 June 2010.
- ↑ Davies, Marsh (10 November 2012). "Blockbuster – The Making of Minecraft". PC Gamer. Future plc. สืบค้นเมื่อ 20 December 2012.
- ↑ Smith, Graham (6 February 2012). "The First Moments of Minecraft". PC Gamer. Future plc. สืบค้นเมื่อ 1 January 2013.
- ↑ 56.0 56.1 McDougal, Jaz (29 July 2010). "Community heroes: Notch, for Minecraft". PC Gamer. Future plc. สืบค้นเมื่อ 3 August 2010.
- ↑ Cheshire, Tom (6 June 2012). "Changing the game: how Notch made Minecraft a cult hit". Wired UK. สืบค้นเมื่อ 18 October 2012.
- ↑ Persson, Markus (28 September 2010). "I'm sorry about the lack of updates". Mojang. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-10-04. สืบค้นเมื่อ 18 October 2010.
- ↑ Persson, Markus (6 September 2010). "Hiring some people, getting an office, and all that!". Mojang. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-09-08. สืบค้นเมื่อ 6 September 2010.
- ↑ Persson, Markus (11 December 2010). "Minecraft Beta: December 20, 2010". Mojang. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-14. สืบค้นเมื่อ 21 December 2010.
- ↑ Persson, Markus (3 January 2011). "2011, here we go!". Mojang. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-06. สืบค้นเมื่อ 3 January 2011.
- ↑ Fernandez, Carlo (17 November 2012). "Minecraft Full Version Available; MineCon Live Streaming". International Business Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-19. สืบค้นเมื่อ 17 October 2012.
- ↑ Persson, Markus (18 January 2011). "The web server is struggling, we're migrating". Mojang. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-21. สืบค้นเมื่อ 2016-12-04.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อJeb
- ↑ Persson, Markus (2 December 2011). "Och med dom orden så passar jag micken". The Word of Notch. Mojang. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-01-06. สืบค้นเมื่อ 2 December 2011.
- ↑ Bergensten, Jens (28 February 2012). "Minecraft Team Strengthened!". Mojang. สืบค้นเมื่อ 22 September 2013.
- ↑ "Minecraft Bukkit team lead tries to end development, but Mojang steps in". PC Gamer. 21 August 2014.
- ↑ "Minecraft's CraftBukkit mod taken down by DMCA claim". games.on.net. สืบค้นเมื่อ 17 September 2014.
- ↑ Peckham, Matt (15 September 2014). "Minecraft Is Now Part of Microsoft, and It Only Cost $2.5 Billion". Time. สืบค้นเมื่อ 15 September 2014.
- ↑ Bass, Dina (15 September 2014). "Microsoft to Buy Minecraft Maker Mojang for $2.5 Billion". Bloomberg Business. สืบค้นเมื่อ 16 September 2014.
- ↑ Sarkar, Samit (6 November 2014). "Microsoft officially owns Minecraft and developer Mojang now". Polygon. Vox Media.
- ↑ Bogart, Nicole. "Updated: September 15, 2014 8:35 pm Microsoft acquires 'Minecraft' maker for $2.5 billion". Global News. Shaw Media. สืบค้นเมื่อ 2 May 2015.
- ↑ Mac, Ryan (3 March 2015). "Inside The Post-Minecraft Life Of Billionaire Gamer God Markus Persson". Forbes. สืบค้นเมื่อ 25 March 2015.
- ↑ "Minecraft.net Credits". Mojang. สืบค้นเมื่อ 1 January 2013.
- ↑ "Telltale and Mojang Announce Minecraft: Story Mode". IGN. Ziff Davis. 18 December 2014.
- ↑ "Minecraft: Story Mode is an episodic series from Telltale". Eurogamer. Gamer Network. 18 December 2014.
- ↑ 77.0 77.1 77.2 Good, Owen S. (16 September 2015). "Telltale's Minecraft game launches Oct. 13, will have a physical release". Polygon. Vox Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 September 2015. สืบค้นเมื่อ 16 September 2015.
- ↑ Webster, Andrew (26 August 2015). "Giving Minecraft a story". The Verge. สืบค้นเมื่อ 27 August 2015.
- ↑ "Minecraft: Story Mode - The Complete Adventure". www.nintendo.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 March 2017. สืบค้นเมื่อ 20 March 2017.
- ↑ Martin, Liam (15 January 2017). "Nintendo Switch games list in FULL: All launch games and 2017 releases REVEALED". Express.co.uk (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 20 March 2017.
- ↑ Albert, Brian (4 July 2015). "First Minecraft: Story Mode Details Revealed at Minecon". IGN. Ziff Davis. สืบค้นเมื่อ 4 July 2015.
- ↑ Kelion, Leo (19 January 2016). "Minecraft to launch education edition". BBC. สืบค้นเมื่อ 19 January 2016.